ฮือฮา! หนุ่มขอนแก่น แต่งงานหนุ่มอังกฤษ เผยปลูกต้นรักผ่านเน็ต

ฮือฮา! หนุ่มขอนแก่น แต่งงานหนุ่มอังกฤษ เผยแต่งงานอยู่กินที่อังกฤษมาครึ่งปีแล้ว เลยอยากกลับมาแต่งงานตามประเพณีอีสาน ระบุรู้จักกันผ่านเน็ตมา 3 ปี ก่อนที่จะไปมาหาสู่ และคบหาดูใจ จนตัดสินใจแต่งงานกัน 

          วานนี้ (14 พฤษภาคม 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  หนุ่มไทยชาวขอนแก่น คือ นายสาคร อุ่นสิม อายุ 33 ปี ได้เข้าพิธีวิวาห์กับ นายสตีเว่น มาร์เตอร์ อายุ 54 ปี เชื้อชาติ-สัญชาติอังกฤษ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยทั้งคู่รู้จักและรักกันผ่านอินเทอร์เน็ต 

          ทั้งนี้ ในงานแต่งงานดังกล่าว นายสตีเว่น มาพร้อมกับเพื่อนชาวอังกฤษ 3 คน เข้ามาขอนายสาครกับคุณพ่อคุณแม่ของนายสาคร และได้เข้าพิธีแต่งงานตามประเพณีและวัฒนธรรมไทยอีสาน โดยมีสินสอดเป็นเงินสด 199,999 บาท และสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น มีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนกว่า 30 โต๊ะ โดยมีแขกมาร่วมงานกว่า 400 คน เลยทีเดียว 

          โดย นายสาคร เปิดเผยว่า ตนเรียนหนังสือจบชั้น ม.3 และมีนิสัยเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งเมื่อเรียนจบก็ได้หางานทำที่ห้างสรรพสินค้า จากนั้นก็ได้ย้ายไปทำงานที่ผับแห่งหนึ่ง ที่หาดป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต จนได้มาเป็นผู้จัดการห้องอาหารที่หาดป่าตอง และเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ตนก็ได้เล่นอินเทอร์เน็ตหาคู่ จนได้รู้จักกับนายสตีเว่น มาร์เตอร์ เป็นชาวอังกฤษ ทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ 

          นายสาคร กล่าวต่อว่า จากนั้น นายสตีเว่นก็เข้ามาจีบตน และเมื่อตนรู้ว่านายสตีเว่นไม่เคยมีคนรักไม่ว่าหญิงหรือชาย จึงตัดสินใจพูดคุยศึกษากัน ผ่านระบบแชทประมาณ 5-6 เดือน ต่อมาพอรักกันก็ชวนให้นายสตีเว่นมาเที่ยวที่ภูเก็ต อยู่เที่ยวไทยกันประมาณ 1 เดือน จากนั้นนายสตีเว่นก็มาหาตนอีก 2 ครั้ง จนกระทั่งวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555 ตนได้เดินทางไปประเทศอังกฤษ และได้ตัดสินใจแต่งงานกับนายสตีเว่น พร้อมจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นตนก็เข้าทำงานที่ร้านอาหารไทยในประเทศอังกฤษ ส่วนนายสตีเว่นทำงานที่เดิม และซื้อบ้าน 1 หลัง ใช้ชีวิตอยู่กันแบบสามีภรรยานานกว่า 6 เดือนแล้ว จึงเดินทางมาจัดพิธีแต่งงานแบบไทย ตามประเพณีของคนอีสาน เพื่อให้พ่อแม่รับรู้ และยอมรับการแต่งงานชายกับชายของตน

          ขณะที่ นายสตีเว่น มาร์เตอร์ กล่าวถึงความประทับใจในตัว นายสาคร ว่า นายสาครเป็นคนดี ขยันขันแข็ง เอาใจเก่ง และมีจิตใจที่อ่อนหวาน จึงได้ตกลงใจที่จะแต่งงานด้วย ส่วนเรื่องที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายนั้น คนไม่รู้สึกแปลกอะไร แต่ก็อยากให้สังคมเปิดใจยอมรับสิทธิของแต่ละคน เพราะความรักเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ 
 
          ส่วนทางด้าน พ่อแม่ของนายสาคร กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ลูกได้แต่งงานกับคนที่ลูกรัก ถึงแม้จะเป็นรักระหว่างชายกับชายก็ตาม ส่วนใครจะมองว่าเป็นความรักที่ผิดธรรมชาติ ตนก็ไม่สนใจ เพราะถือว่าเป็นความสุขของลูก ถ้าแต่งไปแล้วคนสองคนเข้าใจกันดี รักใคร่กัน พอมีกินมีใช้ ไม่ลำบากพ่อแม่ก็สบายใจแล้ว  ส่วนลูกชายตนนั้น เป็นเสาหลักของบ้านดูแลครอบครัวอย่างดีมาโดยตลอด