วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

รถชนกัน 130 คันในอังกฤษ เจ็บกว่า 200 ราย


 เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันกว่า 130 คัน ในอังกฤษ บาดเจ็บกว่า 200 คน

            เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในเมืองเคนท์ของอังกฤษ เมื่อรถยนต์กว่า 130 คัน ชนกันบนสะพาน ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บราว 200 คน ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

            เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนสะพาน 4 เลน "A249" ในเมืองเคนท์ เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. ของวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา โดยเป็นช่วงเวลาที่หมอกลงหนาจัด บดบังทัศนวิสัยในการเดินทาง แต่รถยนต์หลายคันก็ไม่ยอมเปิดไฟ สุดท้ายจึงทำให้รถยนต์หลายคัน รวมถึงรถบรรทุก ชนท้ายต่อกันไปเรื่อย ๆ กลายเป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่มีรถชนกันกว่า 130 คัน และมีผู้บาดเจ็บราว 200 คน ส่วนใหญ่บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนผู้บาดเจ็บที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล 6 แห่ง ขณะที่สะพาน A249 ก็ได้ถูกสั่งปิดทันทีที่เกิดเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการกู้ซากรถหลายคันที่เสียหายยับเยินจากการชนกันอย่างแรงออกจากถนน

            อย่างไรก็ดี หลังจากปิดการจราจรไปนานกว่า 9 ชั่วโมง สะพาน A249 ก็เปิดให้รถสัญจรไปมาอีกครั้งเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. 

สลด ! แม่พาลูกสาว 5 ขวบ ค้ากามกับลูกค้าเก่า แลกเงิน-ยาบ้า



แม่วัย 35 ปี แยกทางกับพ่อเด็กไปอยู่กับสามีใหม่ แต่กลับพาลูกสาว 5 ขวบ ไปขายบริการทางเพศให้กับลูกค้าเก่าของตัวเอง เพื่อแลกเงิน 800 บาท กับยาบ้าอีกจำนวนหนึ่ง

            เมื่อวานนี้ (5 กันยายน 2556) นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า มีป้าของเด็กรายหนึ่งได้เข้ามาร้องกับทางมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ว่า หลานสาววัย 5 ขวบ ถูกแม่แท้ ๆ วัย 35 ปี พาไปขายบริการทางเพศ เพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว เนื่องจากขณะนี้กำลังอาศัยอยู่กับสามีใหม่ แต่เงินไม่พอใช้

            ทั้งนี้ ป้าของเด็กเล่าว่า หลานสาวอาศัยอยู่กับตนและผู้เป็นพ่อ ส่วนบ้านของแม่เด็กอยู่ไม่ไกลจากกันเท่าใดนัก กระทั่งเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 แม่เด็กไปรับหลานที่โรงเรียน เมื่อหลานสาวมาถึงบ้านก็บอกกับตนว่า เจ็บที่อวัยวะเพศ และเวลาปัสสาวะ หลานสาวก็เจ็บมาก จนกระทั่งร้องไห้ออกมา เมื่อพบว่า อวัยวะเพศของหลานสาวบวมแดงผิดปกติ จึงไปสอบถามแม่ของเด็ก จนทราบว่า หลานสาวถูกพาไปหาชายคนหนึ่งที่แม่ของเด็กเรียกว่า ป๋า โดยแม่ของเด็กเห็นป๋าทาครีมที่อวัยวะเพศของหลานสาว ก่อนใช้นิ้วสอดใส่เข้าไป จากนั้นป้าของเด็กจึงรีบพาหลานสาวไปร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาฯ ทันที

            เมื่อนางปวีณาทราบเรื่อง ก็รีบพาป้ากับหลานสาวไปแจ้งความ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมคนทั้งคู่ได้ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 ภายหลังทราบชื่อชายคนดังกล่าวว่า นายอมร (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 48 ทำงานแถวปทุมธานี
            นอกจากนี้ แม่ของเด็กยังเล่าว่า ได้แยกทางกับสามีเก่ามาอาศัยอยู่กับสามีใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ของเด็กก็ขายบริการทางเพศมาก่อน จนกระทั่งได้รู้จักกับนายอมรและค้าบริการกันบ่อย ๆ จนวันหนึ่งนายอมรถามว่า มีลูกสาวหรือไม่ เมื่อแม่ของเด็กบอกว่ามี นายอมร จึงบอกให้พาลูกสาวมา แล้วจะให้เงินกับยาบ้าเป็นค่าตอบแทน แม่ของเด็กเลยพาลูกสาวมาหานายอมร เพื่อแลกเงิน 800 บาท กับได้ยาบ้ามาเสพ 

ภรรยา เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ปัดขโมย 60 ล้าน หวั่นไม่ปลอดภัย

 ภรรยา เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ หวั่นไม่ปลอดภัยขอคุ้มครองพยาน ปัดขโมยทรัพย์สิน 60 ล้าน เผยโดนขู่จะนำเงินไปอยู่กับหญิงอื่น จึงกันทรัพย์สินไว้เพื่อลูก



            เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 น.ส.ณิธวดี ภู่เจริญยศ ภรรยา นายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม หรือ เอ็กซ์ นักกีฬายิงปืนชื่อดัง ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อขอรับการคุ้มครองพยานหลังไม่มั่นใจในความปลอดภัย จากกรณีล่าสุดที่นายจักรกฤษณ์ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวและมีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตนเองฐานร่วมกันลักทรัพย์จากเหตุที่นำทรัพย์สินบางส่วนออกจากตู้นิรภัยของธนาคาร

            โดย น.ส.ณิธวดี ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาลักทรัพย์จากตู้เซฟของธนาคาร โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้นายจักรกฤษณ์เคยมอบกุญแจเซฟไว้ให้ 1 ดอก และอนุญาตให้ไขได้ตลอดเพราะถือเป็นทรัพย์สินร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ไปเยี่ยมนายจักรกฤษณ์ในเรือนจำ นายจักรกฤษณ์บอกว่าหากออกจากเรือนจำไปได้จะนำทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดไปซื้อรถยนต์และไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ ตนในฐานะแม่จึงต้องการกันทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่เป็นของตนไว้เพื่อลูก จึงได้นำกุญแจไปขอไขทรัพย์สินกับธนาคาร ซึ่งทางธนาคารก็ไม่ขัดข้องและไม่ได้สอบถามใด ๆ ตนยืนยันว่า ไม่ได้นำทรัพย์สินออกมาทั้งหมดและไม่ทราบว่าทรัพย์สินมีมูลค่ามากถึง 60 ล้านบาทหรือไม่ เพราะหยิบมาเฉพาะทรัพย์สินส่วนตัวบางส่วนเช่นเครื่องเพชรและทรัพย์สินบางส่วนที่ทำร่วมกันมา

            อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่พบว่านายจักรกฤษณ์มีพฤติกรรมข่มขู่ ติดตามทำร้ายอย่างชัดเจนหลังจากที่ออกจากเรือนจำ แต่มีคำพูดบางอย่างที่ทำให้ไม่สบายใจ ที่สำคัญเท่าที่สังเกตยังพบว่านายจักรกฤษณ์ยังมีอารมณ์รุนแรง เพราะมีโรคส่วนตัว คือ ภาวะอารมณ์แปรปรวน โดยวันแรกที่ออกจากเรือนจำเคยพาลูกไปหา แต่นายจักรกฤษณ์อารมณ์ไม่ดี และเคยขู่ว่าจะทำให้ตนหมดอนาคตในวิชาชีพด้วยการทำให้ถูกยึดใบประกอบโรคศิลปะ

            ทั้งนี้ น.ส.ณิธวดี ยืนยันว่า ที่ต้องเข้าขอคุ้มครองพยานเป็นเพราะเป็นห่วงลูกทั้ง 2 คน ซึ่งตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมายังไม่กล้าให้ไปโรงเรียน เพราะเกรงว่านายจักรกฤษณ์จะมารับตัวไปและเป็นอันตราย เพราะหลายครั้งที่นายจักรกฤษณ์เคยบอกว่าจะทำให้เกิดโศกนาฏกรรมสมบูรณ์แบบ ซึ่งหมายถึงการฆ่าทุกคนให้ตายและฆ่าตัวเองตายตามเพื่อจะได้ไม่มีใครต้องรับโทษ ดังนั้นจึงขอให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ช่วยคุ้มครองตนและลูก

จับโจรหน้าหล่อ บุกชิงทองกลางห้าง สารภาพหาเงินส่งแฟนเรียน


ตำรวจพิษณุโลก คุมโจรหน้าหล่อ ทำแผนบุกชิงทองกลางห้างดัง อ้างรายได้น้อยไม่พอส่งแฟนสาวเรียน

            เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 พ.ต.อ.เฉลิม สุวรรณรัตน์โอสถ รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญฤทธิ์ โลห์สุวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังรับแจ้งมีคนร้ายชิงทองที่ร้านห้างทองเยาวราชกรุงเทพฯ ภายในห้างบิ๊กซีสาขาพิษณุโลก

            จากการสอบสวน นายประจิต ประพันธมิตร อายุ 30 ปี ช่างทองของห้างทองดังกล่าว ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ภายในร้านทอง จากนั้นได้มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น รูปร่างสันทัด อายุประมาณ 25 ปี เดินเข้ามาในร้านก่อนจะคว้าสร้อยคอทองคำ จำนวน 15 เส้น น้ำหนักรวม 10 บาท วิ่งหลบหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าห้าง
 
            หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสกัดจับคนร้ายตามเส้นทางที่หลบหนี และสามารถสกัดจับคนร้ายเอาไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมเกียรติ บุญมี อายุ 24 ปี พร้อมของกลาง เป็นสร้อยคอทองคำ จำนวน 15 เส้น และรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนี โดย นายสมเกียรติ เปิดเผยว่า ตนเองประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง รายได้น้อยและต้องมีภาระส่งเสียแฟนสาวที่กำลังศึกษาอยู่ ทำให้รายได้ไม่พอใช้ จึงได้ตัดสินใจมาก่อเหตุในครั้งนี้

เผยชีวิตเด็กหญิงแคนาดาวัย 11 เริ่มชีวิตใหม่เป็นชาย เพราะจิตใจไม่ใช่หญิง

  เรน คอฟแมน เด็กหญิงวัย 11 ปี แต่งตัวหั่นผมเป็นผู้ชาย หลังแน่ใจตัวเองเป็นชายในร่างหญิง
          เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ เปิดเผยเรื่องราวของเด็กหญิงรายหนึ่ง ที่เกิดมาเป็นชายในร่างหญิง จึงตัดผมและแต่งตัวเป็นผู้ชายเต็มตัว หลังรู้สึกไม่มีความสุขที่ตัวเองเป็นผู้หญิงเลย

          เด็กหญิงรายนี้มีชื่อว่า เรน คอฟแมน วัยเพียง 11 ปี จากเมืองเรนนาของแคนาดา เธอตัดสินใจตัดผม แต่งตัว และกลายเป็นเด็กผู้ชายเซอร์ไพรส์เพื่อนร่วมชั้นในวันเปิดเทอมวันแรก เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา หลังจากรู้สึกอึดอัดกับการเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เด็ก และรู้ตัวว่าเธอเกิดมาในเพศสภาพที่สวนทางกับจิตใจอย่างสิ้นเชิง

          โดย เรน เปิดเผยว่า เธอรู้สึกเหมือนกับตัวเองติดอยู่ในร่างกายของคนอื่นซึ่งไม่ใช่ตัวเธอ เธอไม่อยากจะอยู่ในร่างกายนี้เลย และนับตั้งแต่เธออายุได้ 3 ขวบ เธอรู้สึกสนุกกับการเล่นเป็นฮีโร่ แปลงร่างเป็นผู้ชาย และเฝ้ารอวันที่ตัวเองจะได้เป็นผู้ชายมาตลอด
          อย่างไรก็ดี แม้ว่าเรนจะอยู่ในความดูแลของคุณแม่เธออย่างใกล้ชิด แต่คนที่รู้ว่าเธอเป็นชายในร่างหญิงคนแรกกลับไม่ใช่แม่ของเธอ กลับเป็น เอวี่ น้องสาวแท้ ๆ ที่คลุกคลีกันมาตั้งแต่เด็ก โดยเอวี่ยืนยันกับแม่ตั้งแต่ยังเด็กว่า เรนอยากจะเป็นผู้ชายจริง ๆ 

         ด้านนางเวนดี้ แม่ของเรนได้เปิดเผยว่า เมื่ออายุได้ 9 ขวบ เรนก็ได้เปิดเผยกับเธอตรง ๆ ว่า เรนแตกต่าง เรนรู้สึกแปลกแยกในทุก ๆ วัน ไม่อาจเป็นผู้หญิงแล้วรู้สึกมีความสุขได้ ซึ่งนั่นทำให้เธอตกใจ
แต่สุดท้ายเธอก็บอกเรนไปว่า ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็รักและเข้าใจ พร้อมจะช่วยเหลือ เดินไปพร้อม ๆ กัน 
         ทั้งนี้ ปัจจุบันเรนเริ่มใช้ชีวิตเฉกเช่นผู้ชายอย่างที่เธออยากจะเป็น เธอใช้ห้องแต่งตัวและห้องน้ำร่วมกับเด็กผู้ชาย โดยเธอบอกว่าเธอมีความสุขที่ได้เป็นอย่างที่ตัวเองอยากเป็นในวันนี้ อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญเผยว่าต้องรอจนกว่าเธออายุ 16 ปี จึงจะสามารถตัดสินใจว่าอยากจะรับฮอร์โมนเพศชายหรือไม่ และหากอยากจะแปลงเพศเป็นชาย ก็ต้องรอไปอีก 2 ปีหลังจากนั้น

โอ-ภัทร คู่รักเฉียดตาย เผยชีวิตที่ผ่านฝันร้าย ในวู้ดดี้เกิดมาคุย

โดยปกติแล้ว รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย มักจะสัมภาษณ์ดารา หรือเซเลบฯ คนดังในมุมที่เอ็กซ์คลูซีฟสุด ๆ แต่สำหรับเทปที่จะออนแอร์ในคืนวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2556 นี้ แม้แขกรับเชิญจะเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป แต่มั่นใจได้เลยว่า ทุกคนจะเสียน้ำตา และซาบซึ้งไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของพวกเขาอย่างแน่นอน



          ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปลายปี 2555 ข่าวน่าสลดใจข่าวหนึ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ก็คือ มีคู่สามีภรรยาเคราะห์ร้ายคู่หนึ่งถูกรถพ่วง 18 ล้อ พุ่งเข้าชนรถจักรยานยนต์ของพวกเขาอย่างจัง ทำให้ภรรยาซึ่งกำลังตั้งท้องประมาณ 3 เดือนเศษ กระเด็นตกจากรถจักรยานยนต์ และถูกรถพ่วงที่ขับตามหลังมาอีกคันทับแขนซ้ายและขาซ้ายจนแหลกละเอียด

          "คุณภัทราภรณ์ ทาทอง" หรือ "คุณภัทร" คือภรรยาผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่งผลให้เธอต้องถูกตัดแขนและขาซ้าย กลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต ขณะที่ "คุณวันชัย กุมภา"หรือ "คุณโอ" ฝ่ายสามี ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุด ณ เวลานั้นก็คือ ภรรยาและลูกที่อยู่ในครรภ์

          
"หลังจากที่โดนรถทับ พอภัทรเห็นสภาพตัวเองก็รู้แล้วว่ากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ เห็นขาตัวเองกองเละ แล้วก็แขนลีบแบนไปเลย แต่พี่โอก็พูดกับภัทรว่าให้อยู่กับโอนะ โอจะรักและดูแลภัทรกับลูก ตอนนั้นภัทรเจ็บปวดก็จริง แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ เพราะเห็นคนที่เรารักปลอดภัย" คุณภัทร เล่าถึงความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นหลังตัวเองประสบเหตุร้ายแรง

          เธอบอกว่า หลังจากนั้นเธอก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เข้าห้องผ่าตัด พอฟื้นขึ้นมาอีกทีก็ไม่มีแขนซ้ายกับขาซ้ายแล้ว วินาทีนั้นเธอไม่รู้สึกตกใจ เพราะแค่เห็นว่าคนที่เรารักปลอดภัยก็โอเคแล้ว และก็ทำใจยอมรับแล้วว่าตัวเองคงกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้

          "ก็ต้องยอมรับเพราะว่ามันไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พอเรื่องเกิดขึ้นมาแล้วและเรายังมีชีวิต เราก็ต้องอดทน" คุณภัทร บอก

          อุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในชีวิตของ โอ-ภัทร แต่สิ่งที่ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ ความรักและกำลังใจที่ทั้งคู่มีให้กัน รวมทั้งลูกน้อยในครรภ์ที่รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด งานนี้ วู้ดดี้ เลยขอเซอร์ไพรส์ทั้งคู่ด้วยแขกรับเชิญระดับโลกที่จะมาให้กำลังใจพวกเขา พร้อมด้วยของขวัญสุดพิเศษต้อนรับการเกิดมาของลูกในท้อง 

          แต่จะเป็นอะไรนั้น และมีความสำคัญต่อชีวิตของพวกเขาขนาดไหน ติดตามเรื่องราวชีวิตสุดพลิกผันทั้งหมดนี้ได้ในรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" คืนวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2556 เวลา 22.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี 

ชาวเน็ตสวดยับ หนุ่มปิกอัพชกลุงขับ 18 ล้อ ชี้รุนแรงเกินเหตุ

ชาวเน็ตสวดยับ ! หนุ่มปิกอัพชก-เตะลุงขับ 18 ล้อ หลังลุงหักหลบมอเตอร์ไซค์จนชนปิกอัพ ชี้รุนแรงเกินเหตุ

          เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กได้มีการแชร์และส่งต่อคลิปของคนขับรถปิกอัพที่ชกต่อยลุงซึ่งขับรถบรรทุกจนล้มไปกองกับพื้น หลังจากโมโหที่ลุงคนดังกล่าวขับรถหักหลบมอเตอร์ไซค์จนชนกับรถปิกอัพของชายคนดังกล่าวจนได้รับความเสียหาย

          โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สี่แยกโคกมะลิ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเจ้าของคลิปจับภาพได้โดยบังเอิญขณะขับรถตามหลังรถบรรทุก 18 ล้อ จู่ ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อรถบรรทุกได้หักหลบรถมอเตอร์ไซค์ โดยมอเตอร์ไซค์ได้เฉี่ยวชนรถในบริเวณดังกล่าวก่อนพลิกคว่ำ ขณะที่รถบรรทุกก็เสียหลัก พุ่งชนท้ายรถปิกอัพ หลังจากนั้นคนขับรถปิกอัพได้วิ่งตามไปเอาเรื่องกับคนขับรถบรรทุกซึ่งเป็นลุงแก่ ๆ พร้อมกับชกและเตะลุงคนดังกล่าวจนล้มคว่ำ

          ภายหลังจากที่คลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง ทำให้มีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยวิพากษ์วิจารณ์ว่า แม้ลุงจะเป็นฝ่ายผิด แต่ชายคนขับปิกอัพก็กระทำเกินกว่าเหตุ


เผยคลิปสุดป่าเถื่อน กบฎซีเรียจับทหารยิงทิ้งหมู่

 นิวยอร์กไทมส์เผยคลิปสุดป่าเถื่อน กบฎซีเรียจับทหารถอดเสื้อ-หมอบกับพื้น ก่อนยิงทิ้งหมู่ ลั่นฝ่ายทหารจะต้องชดใช้เป็นสองเท่า



            เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 เว็บไซต์นิวยอร์กไทมส์ เปิดเผยคลิปวิดีโอสุดช็อก เมื่อฝ่ายกบฎต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ได้จับทหารฝ่ายรัฐบาลมาถอดเสื้อ บังคับหมอบกับพื้น แล้วยิงทิ้งพร้อม ๆ กัน ก่อนจะนำศพไปทิ้งไว้ในบ่อลับใต้ดินสำหรับฝังศพทหาร
            โดยในคลิปแสดงให้เห็นภาพของทหารซีเรียกลุ่มหนึ่ง ถูกฝ่ายกบฎต่อต้านรัฐบาลจับมาถอดเสื้อ แล้วบังคับให้หมอบลงโดยให้ศีรษะจรดพื้นดิน บางคนก็ถูกมัดมือไพล่หลัง โดยมีกลุ่มกบฎยืนเรียงรายถือปืนอยู่ด้านหลัง หันปากกระบอกปืนไปยังร่างของทหารซีเรียกลุ่มนี้ จากนั้นก็มีเสียงของนายอับดุล ซาหมัด อิสซา ผู้นำกลุ่มกบฎดังขึ้น เขากล่าวว่า ตลอดเวลา 50 ปี รัฐบาลซีเรียคอร์รัปชั่นมาโดยตลอด และเราได้สาบานต่อพระเจ้าว่า เราจะแก้แค้นให้ถึงที่สุด ฝ่ายรัฐบาลซีเรียจะชดใช้ความสูญเสียของเราเป็นสองเท่า จากนั้น เสียงปืนก็ดังขึ้นรัวหลายนัด ขณะที่นิวยอร์กไทมส์ ได้ตัดภาพช่วงเวลานี้ออกไป ซึ่งนั่นหมายความว่า ทหารซีเรียได้ถูกกลุ่มกบฎสังหารหมู่ ก่อนที่ร่างไร้วิญญาณของพวกเขาจะถูกนำไปทิ้งในบ่อลับใต้ดินสำหรับฝังศพทหาร

            ทั้งนี้ รายงานระบุว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวบันทึกได้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และถูกนำมาเปิดเผยโดยอดีตสมาชิกกลุ่มกบฎซีเรียซึ่งหลบหนีออกจากประเทศ เพราะทนไม่ได้ต่อความรุนแรงป่าเถื่อนดังกล่าว และหลังจากมีการเผยแพร่คลิปนี้ออกมาตามสำนักข่าวต่าง ๆ แล้ว ก็จุดชนวนให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ควรจะสนับสนุนสหรัฐฯ ในการช่วยเหลือกลุ่มกบฎซีเรียอยู่อีกหรือไม่  


นักวิชาการหนุนนโยบาย ลูกคนแรก - เก็บภาษีคนโสด

นักวิชาการ ม.รังสิต เสนอภาครัฐออกนโยบาย ลูกคนแรก ช่วยค่าใช้จ่าย - เก็บภาษีคนโสด แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน โครงสร้างประชากรไม่สมดุล

          เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเทอดศักดิ์ ชมโต๊ะสุวรรณ เลขานุการคณะเศรษฐศาสตร์ และอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจและนโยบายการรองรับในสองทศวรรษหน้าว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน โครงสร้างประชากรไม่สมดุล และต้องเสียงบประมาณดูแลผู้สูงอายุจำนวนมาก สวนทางกับวัยรุ่นวัยทำงานที่มีแนวโน้มเพิ่มต่ำลง

          โดยสถิติตั้งแต่ปี 2547 พบว่าสังคมไทยได้เป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว โดยมีสัดส่วนประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ถึง 10% ของประชากรรวม และคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือปี 2567 ประเทศไทยจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มขั้น คือ มีสัดส่วนคนอายุเกิน 60 ปี สูงเกิน 20% ซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อภาพรวมในการพัฒนาเศรษฐกิจ แรงงาน และพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชากรในประเทศ ขณะที่อัตราการเจริญพันธุ์ของไทยขณะนี้ต่ำมากเพียง 1.6 ต่อครอบครัว หรือ 1 คู่สมรส มีลูกเพียง 1 คนกว่าเท่านั้น ทั้งที่จริงต้องมีลูกขั้นต่ำ 2-3 คน ถึงจะเพียงพอต่อการทดแทนประชากรเดิม
          สำหรับสาเหตุที่คนไทยมีลูกน้อยมาจากแนวโน้มสังคมเมืองและเศรษฐกิจที่เติบโตรวดเร็ว เพราะเมื่อเศรษฐกิจดีหนุ่มสาวจะเลือกทำงานเพื่อสร้างฐานะ ความมั่นคงในชีวิตมากกว่าการหาคู่แต่งงานสร้างครอบครัว ประกอบกับปัจจุบันค่าครองชีพและต้นทุนในการเลี้ยงดูบุตรสูงขึ้น ทั้งค่าเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล สินค้าข้าวของแพงขึ้น ครอบครัวส่วนใหญ่จึงเลือกมีลูกน้อย ซึ่งต่างจากอดีตในสังคมเกษตรที่คนไทยมีลูกมากเพราะต้นทุนการเลี้ยงดูไม่สูง

          นอกจากนี้ นายเทอดศักดิ์ ยังได้เสนอแนวทางแก้ไขว่า ภาครัฐควรออกนโยบายสนับสนุนให้คนไทยมีลูกเพิ่มขึ้น เช่น โครงการลูกคนแรก โดยรัฐช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย การเลี้ยงดูให้กับครอบครัวที่มีลูกคนแรก รวมถึงให้เงินอุดหนุน หรือลดภาษีสำหรับครอบครัวที่มีลูกคน 2 และ 3 นอกจากนี้ ควรเรียกเก็บภาษีคนโสด ภาษีคนไม่มีลูก กระตุ้นให้มีครอบครัวเพื่อลดภาระงบประมาณ การใช้สวัสดิการดูแลของภาครัฐในอนาคต

ตำรวจเตรียมออกหมายจับม็อบสวนยางเผารถ-ทำร้ายตำรวจ

ม็อบสวนยางประจวบฯ ปะทะตำรวจสลายม็อบ มีบึ้มนับ 10 ครั้ง เผา-ทุบรถนักข่าว ตำรวจรู้ตัวคนทำแล้ว เตรียมออกหมายจับวัยรุ่นเผารถนักข่าว-ทำร้ายตำรวจวันนี้ (6 กันยายน 2556)


            เมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 กันยายน 2556 ที่บริเวณถนนเพชรเกษม ตรงข้ามสถานีบริการประชาชนบ้านธรรมรัตน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องราคายาง ที่ยังปักหลักชุมนุม ได้นำยางรถยนต์ปิดเส้นทางการจราจรบนถนนเพชรเกษมจุดดังกล่าว จนทำให้มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมผู้ชุมนุมได้ 2 ราย และยึดยางรถยนต์ของชาวสวนยางที่นำมาปิดถนน ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมโมโห จนมีการขว้างปาขวดน้ำและก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเดินเข้าหาแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ต้องถอยร่น ในขณะเดียวกันมีเสียงระเบิดดังขึ้นในฝั่งของผู้ชุมนุมร่วม 10 ครั้ง ขณะที่การจราจรทั้งขาขึ้นและขาล่อง ติดขัดยาวหลายกิโลเมตร

ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุปะทะกัน แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้หนีออกไปจากพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พยายามเจรจาทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่มาร่วมชุมนุม จนยอมเดินทางกลับไป ซึ่งจากเหตุปะทะกันเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากการถูกน้ำกรดสาด และขว้างปาสิ่งของ จำนวน 9 นาย โดยสามารถจับกุมผู้ชุมนุมที่ก่อเหตุได้ 10 คน

            ด้าน พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เผยว่า โดนกลุ่มผู้ชุมนุมปาขวดน้ำกรดใส่ โดนบริเวณขาขณะที่ยืนอยู่บนรถกล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงให้กลุ่มผู้ชุมนุมกลับบ้าน ทำให้กางเกงขาด จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งก็ได้รับการปฐมพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

            นอกจากนี้ มีรายงานแจ้งด้วยว่า  มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย คือ ดาบตำรวจสุชาติ จ่ามา เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางสะพาน มีแผลที่ศีรษะ กะโหลกยุบ แต่ยังไม่มีอาการทางสมอง ส่วนบริเวณลำตัวและแขน มีบาดแผลจากการถูกของร้อนไหม้ ถูกส่งตัวต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลหัวหิน

            อย่างไรก็ตาม ภายหลังการชุมนุมเริ่มคลี่คลาย ม็อบสวนยางประจวบได้สลายตัวไปแล้วนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลาต่อมามีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 30 คน ได้ใช้ระเบิดขวดปาใส่รถนักข่าวเดลินิวส์ ส่งผลให้รถฮอนด้าแจ๊ส ของนักข่าวถูกไฟไหม้วอดทั้งคัน นอกจากนี้ ยังมีรถตำรวจ และรถนักข่าวไทยพีบีเอส รวม 2 คัน ถูกทุบตีเสียหาย หลังลงมือเสร็จได้หลบหนีจากที่เกิดเหตุทันที เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสกัดจับอยู่ แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้

            ต่อมาในช่วงเช้าวันที่ 6 กันยายน 2556 พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ล่าสุด ทางตำรวจรู้กลุ่มคนก่อเหตุเผารถผู้สื่อข่าว และทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดแล้ว โดยกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ก่อเหตุทั้งหมด ซึ่งจำนวนยังไม่ชัดว่ากี่คน เพราะมีหลายคน ส่วนแกนนำจำนวน 10 ราย ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้นั้น ได้แจ้งข้อหาปิดเส้นทางสาธารณะ ขัดขวางทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว โดยตามสิทธิ์สามารถที่จะปฏิเสธ หรือขอประกันตัวออกไปได้

            นอกจากนี้ ในวันนี้ ทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. จะเดินทางมาเยี่ยมนายตำรวจที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับลงพื้นที่ที่แยกธรรมรัตน์ อ.บางสะพาน เพื่อฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ด้วย

วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

พ่อยุ้ย รจนา เปิดใจทำไมไม่ได้ดูแลลูกสาว

"ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา" หลังจากเป็นข่าวครึกโครมกับชีวิตที่พลิกผันกลายเป็นคนไร้บ้านเร่ร่อน สติเลอะเลือน ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างจริงจัง กระทั่งทางด้านมูลนิธิปวีณาได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ กลายเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ว่าแล้วครอบครัวของ ยุ้ย รจนา หายไปไหนเกิดอะไรขึ้น 
ล่าสุด "พ่อยศ เพชรกัณหา"  พ่อแท้ของ "ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา" เดินทางมาอัดรายการบันเทิงทูเดย์พร้อมกับให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีของลูกสาวที่กลายเป็นคนไร้บ้านเร่ร่อน
"ผมมีโอกาสได้เลี้ยงดูุยุ้ยมาได้ประมาณ 4 ขวบ จากนั้นแม่เขาได้มาขอไปเลี้ยงได้เจอกันบ้างไม่ได้เจอบ้าง ผมได้แต่งงานใหม่ทำให้หลัง ๆ ไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไหร่ มีตอนที่เขาอายุประมาน 20 เขามาตามหาพ่อแต่ไม่เจอ พ่อทำงาน กทม. หลังจากนั้น รพ.โทรมาบอกว่ายุ้ยอยู่ รพ. ผมเลยปรึกษากันไปรับเขามาอยู่ด้วยที่มหาสารคาม แต่มาช่วงหลัง ๆ เขาเปลี่ยนไป หงุดหงิด อารมณ์ ร้อนและแอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ก็ขอว่าไม่ให้ทำเลยทะเลาะกับแม่เลี้ยง เขาเลยออกจากบ้านมาไม่เจอกันอีกเลย ก่อนหน้านั้นแม่บอกว่ามีเพื่อน 2 คนไปหา หลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปเลย เขาคงมีความหวังว่าจะมีงานให้เขาทำ"
ยุ้ยเขาดื่มหนักขนาดไหน
"เรื่องของบุหรี่เขาสูบมวนต่อมวน ส่วนเหล้าช่วงที่เขาอยู่มหาสารคามมีกินบ้างไม่กินบ้าง เงินที่เขาใช้จ่ายเขาบอกว่ามีเพื่อนโอนให้บ้างและเพื่อนที่ไปหาให้เงินเขาไว้ 3 พัน หลังจากนั้นเขาติดเหล้าหนักเลย เขาคงเครียด เพราะมีความหวังว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ยาไม่ได้เสพ เพราะเขาทานยาประสาทอยู่ ถ้าไม่กินจะเบลอ พูดไม่รู้เรื่อง หมอไม่ได้บอกว่าสาเหตุหลักเกิดจากอะไร กลับจากเมืองนอกไม่เคยได้รู้เรื่องเงินของเขาเลย เรามารู้อีกทีก็ตอนที่เขาแย่เเล้ว เพราะเราอยู่ครอบครัวอีกฝั่งนึง คุณพ่อก็ช่วยได้เท่าที่ช่วย"
ก่อนหน้านี้คุณพ่อเขาได้ช่วยเหลืออะไรเขาบ้าง 
"ไม่ได้เจอกันเลย ไม่ได้ติดต่อกันเลย คือพ่อไม่ค่อยได้ดูแล ช่วงที่เขาดังเลยไม่อยากให้พ่อไปยุ่ง เดี่ยวหาว่าไปเกาะเขา มารู้อีกทีก็แย่แล้ว อยากให้รักษาให้หายขาดแล้วค่อยว่ากัน"
ด้านลูกชายต่างมารดา "อู๋ เพชรอุบล เพชรกัณหา" ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดว่า 
"เราช่วยได้เท่าที่ช่วยได้ เราไม่รู้ว่าจะยังไง แม่ก็รับไม่ได้ที่เขาพูดจารุนแรงกับแม่ แม่ไม่ค่อยไว้ใจว่าเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะพฤติกรรมเขาคือทำลายข้าวของบ้าง ทำร้ายแม่ด่าญาติ ๆ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้
มีข่าวล่าสุดว่า ยายของยุ้ยจะนำตัวไปเลี้ยงดู
"แต่ก่อนจำได้ ตอนนี้จำไม่ค่อยได้แล้วเพราะไม่ได้เจอกันเลย รู้แต่ว่าตอนที่อยู่กับป้าเขาเริ่มดีขึ้นแล้ว มีงานทำ แต่ก็สูบบุหรี่อีก ทำให้ป้าไม่ชอบ"
ค่ารักษาตอนนี้ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่าย 
"ไม่ทราบเหมือนกันครับ เห็นในหนังสือพิมพ์บัตร 30 บาทรักษาได้ คาดว่าน่าจะมูลนิธิปวีณารับดูแล" 
ตอนนี้ห่วงเรื่องอะไรบ้าง
"ถ้าเขาหายดีแล้ว อยากให้มีที่อยู่กินดี ๆ ถามว่าจะรับกลับมาอยู่ด้วยกันไหมต้องปรึกษากับแม่ก่อนครับ เพราะแม่ก็อยู่ที่โน้นตามลำพังกับหลาน กลัวจะมีปัญหากันอีก เพราะผมทำงานกับพ่อที่กทม. คงต้องดูกันอีกที"
ตอนที่ยุ้ย หายไปมีใครรู้บ้าง
"ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปอยู่ไหน เรารู้แค่ว่าเขามีเบอร์โทรศัพท์พ่ออยู่แต่ก็ไม่ได้เจอกันเพราะพ่อทำงานที่กรุงเทพฯ"
ได้เจอกับทางคุณแม่ยุ้ย บ้างหรือเปล่า 
"ไม่ได้เจอเลยครับ ตอนแรกไม่ทราบว่าแม่ที่บวชอยู่ที่ไหน เพิ่งมารู้ทีหลังว่าบวชชีอยู่ที่สระบุรี" 
ยุ้ยเขายังมีเงินเก็บส่วนตัวพอที่จะรักษาตัวเองได้ไหม 
"ยุ้ยไม่มีสมบัติอะไรแล้วครับ บางทีเขาก็มียืมบ้าง เราช่วยได้ก็ช่วยไปเท่าที่จะช่วยได้ 

เจนี่ อัศวเหม แผลงฤทธิ์ โชว์เซ็กซี่อ้าขาหลังแต่งงาน


เพิ่งจะแต่งงานไปได้เดือนเดียว เจนี่ อัศวเหม ก็แผลงฤทธิ์ โชว์ความเซ็กซี่บนปกนิตยสารพลอยแกมเพชรเล่มล่าสุดให้แฟนๆ ได้เห็นว่าแม้จะเปลี่ยนจากนางสาว มาเป็นนาง แต่เจนี่ก็ยังคงความสวย เซ็กซี่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าหลังจากประกาศจดทะเบียนสมรสกับเอ๋ ชนม์สวัสดิ์ จะทำให้คนที่ชื่นชอบเธอลดลงไปบ้าง แต่ก็คาดว่ายังมีแฟนๆ อีกจำนวนมากที่ยังชื่นชอบในฝีมือการแสดงของเธอ โดยปัจจุบัน เจนี่มีผลงานเรื่อง "ดาวเกี้ยวเดือน" ออกอากาศทุกวันพุธ พฤหัส ทางช่อง 3 

หมอโอ๊ค ประกาศได้ฤกษ์แต่ง โอปอล์ แล้ว

หมอโอ๊ค ยืนยันแล้วว่าปีหน้าควงแฟนสาวผิวเข้ม "โอปอล์ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ" เข้าพิธีวิวาห์แน่นอน!! สำหรับคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ "โอ๊ค สมิทธิ์ อารยะสกุล" เพราะล่าสุดในงานบวงสรวงซีรี่ย์วัยรุ่นเรื่องใหม่ของค่าย จีเอ็มเอ็ม ทีวี "Forward ท้าเวลาพลิกอนาคต" หมอโอ๊คก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตอนนี้ได้กำหนดฤกษ์แต่งงานเรียบร้อย ส่วนวัน-เวลาที่แน่นอนจะเป็นเมื่อไหร่นั้นเจ้าตัวบอกจะนัดแถลงข่าวให้ทราบพร้อมกันเลยทีเดียว
ล่าสุดมีข่าวออกมาว่าเราได้เข้าไปสู่ขอโอปอล์กับอยู่ใหญ่อย่างเป็นทางการแล้ว ?
"ใช่ครับ แต่ว่าเป็นในลักษณะของการพูดคุยกันมากกว่าเพราะคู่เราก็สบายๆ อยู่แล้ว ซึ่งทางผู้ใหญ่เองท่านก็ยินดี เพราะตั้งแต่เราคบกันเราก็อยู่ในสายตาตลอดไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยครับ"
อย่างเรื่องฤกษ์แต่งงานตอนนี้เป็นยังไงบ้างกำหนดไว้รึยัง ?
"ได้มาเรียบร้อยแล้วครับอยู่ในช่วงปีหน้า ส่วนเรื่องวันเวลาถ้าแน่นอนเมื่อไหร่ผมกับโอปอล์ก็จะแจ้งให้ทุกคนทราบอีกครั้ง แต่รับรองครับว่าไม่ปกปิดแล้วแอบไปแต่งแน่นอน (หัวเราะ)"
เพราะอะไรเราถึงมั่นใจเลือกผู้หญิงคนนี้มาเป็นคนในครอบครัว ?
"เพราะทุกอย่างที่เป็นเค้าแหละครับ ยิ่งคบกันผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเราสองคนมีความคล้ายกันในหลายๆ อย่าง และถึงแม้ภาพลักษณ์ภายนอกเราอาจจะไม่เหมือนกันแต่ว่าจริงๆ แล้วเราทั้งคู่เป็นคนรักครอบครัว รักการทำงาน มีมุมมองต่อโลกนี้ ต่อเพื่อนฝูงคล้ายกัน เราก็เลยแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย"
คิดไว้รึยังว่าจะจัดธีมงานประมาณไหน ?
"เราอยากได้อะไรที่ค่อนข้างสะดวกสบาย เรียบง่าย คนที่ไปร่วมงานจะได้สนุกกันเต็มที่ครับ"
พี่โอปอล์เค้าได้รีเควสอะไรเป็นพิเศษไหมสำหรับงานแต่งที่ใกล้จะถึงนี้ ?
"ก็คงเรื่องความสวยความงามมั้งครับ (หัวเราะ) เพราะเค้าเองก็เข้าคอร์สตลอด"
นอกจากนั้นแล้วหมอโอ๊คก็ยังถือโอกาสโชว์ความหวานด้วยการพูดถึงภาพถ่ายเซ็กซี่ที่แฟนสาว"โอปอล์" เปลือยอกประกบซุป'ตาร์ "อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ" ขึ้นปกนิตยสารว่าเป็น วานิลลา กับ ช็อคโกแลต อีกด้วย!!
"สำหรับแฟชั่นที่ถ่ายกับพี่อั้มส่วนตัวผมมองว่าสวยดีนะ แบบว่าโลกนี้มันต้องมีทั้งวานิลลาและช็อคโกแลต(หัวเราะ) ส่วนเรื่องที่หลายคนวิจารณ์ว่าวาบหวิวเกินไปอันนี้ ผมว่ามันเป็นมุมภาพมากกว่าและอีกอย่างด้วยความที่มันเป็นปกนิตยสารผมคิดว่ามันน่าจะต้องโดดเด่นนิดนึง อันนี้เข้าใจได้ครับ"

พลอย เฌอมาลย์ ยังไม่ลืม ต้าร์แต่ไม่คิดรีเทิร์น ลั่นโสดแบบนี้สบายใจดี

กลายเป็นเจ้าแม่ขวัญใจกินเด็กซะแล้วสำหรับ "พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์" ที่ช่วงนี้หนุ่มวัยรุ่นมักจะปลื้มเจ้าตัวอยู่เสมออย่างล่าสุดก็ "มาร์ช จุฑาวุฒิ ภัทรกําพล" แถมแฟนเก่าอย่าง "ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล" ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่ลืมสาว "พลอย" อีกต่างหาก เรียกได้ว่าเป็นสาวฮอตจริงๆ เมื่อได้เจอ"พลอย" ในงาน "Secant" ลานแฟชั่นฮอล์ ชั้น 1 สยามพารากอน ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า "ใครจะไปลืมใครได้ละคะ มันผ่านยังไม่ถึงปีเลย ก็ยังไม่ลืมค่ะ ขนาดแฟนเก่าที่เคยคบเมื่อ 10 ปีก่อนพลอยก็ยังไม่ลืม"
มีข่าวว่าเขาไลน์หาผู้จัดการเราเพื่อถามว่าเป็นยังไงอยู่เลย เรารู้ไหม
"ก็เหมือนเขาไลน์เอาของมาคืนพลอยไม่มีอะไรมากค่ะ ถ้าถามว่าโทรคุยนอกรอบไหมพี่เขาไม่รับสายค่ะ(ยิ้ม) คือเขาเคยบอกว่าถ้าหากเราเลิกกันอย่าโทรมาอย่าเมสเสจมาทั้งสิ้น แต่พลอยก็เคยโทรไปนะ โทรไปขอบคุณเขาที่เขาเป็นธุระเอาของมาคืนให้แต่เขาก็ไม่รับสาย แต่ก็ไม่เสียเซล์ฟนะ คืออยากโทรไปขอบคุณเขาอยู่แล้วที่เขายังดีกับเราอยู่ แต่ก็แปลกใจเหมือนกันที่เขาบอกยังคิดถึง(หัวเราะ)"
ในเมื่อต่างคนต่างไม่ลืมทำไมไม่รีเทิร์น
"คือพลอยยังไม่ว่าง ก็อย่างที่เคยบอกว่าพลอยไม่อยากทำให้ใครเสียเวลา ไม่ใช่ไม่พร้อมแต่พลอยว่ามันคงผ่านไปแล้วค่ะ(ยิ้ม)"
หรือเราเทใจให้คนใหม่แล้ว
"ก็ไม่ได้มีใครนี่คะ(หัวเราะ) คือยังไม่อยากมีแฟนค่ะ มันเพิ่งจะผ่านไปไม่นานเองเลยยังไม่อยากรีบ แผลยังไม่ตกสะเก็ดเลย ไม่ต้องรีบก็ได้มั้งคะ ว่างบ้างก็ได้ ไม่มีแฟนก็ไม่ใช่เรื่องที่เจ็บปวดอะไรนี่คะ ถ้าจะพูดว่ามีหนุ่มมาคุยไหมก็ต้องมีบ้างทั้งในและนอกวงการแต่ไม่ได้ยุ่งอะไรกับเขามาก คือพลอยไม่อยากให้เขามาเสียเวลา ก็เหมือนเขาเข้ามาลองๆ คุยดูเพราะเห็นพลอยว่างแต่เอาจริงๆ เขาก็ไม่ได้ชอบพลอยแบบจริงๆ จังๆ หรอก ประมาณว่าว่างเลยลองจีบถ้าจีบติดก็ว่าไปอะไรแบบนี้ แต่พลอยก็งานยุ่งด้วยเลยไม่อยากมีแฟน มันรู้สึกว่ามีแฟนเหมือนมีภาระเลยขอโสดดีกว่า เราทำงานเสร็จกลับบ้านก็นอน ว่างก็ไปเที่ยวกับแม่กับเพื่อนอะไรแบบนี้(ยิ้ม)"
เราได้ไปดูคอนเสิร์ตเขาไหม
"แล้วเจอหรือเปล่าคะ(หัวเราะ) คือไม่กล้าไปจริงๆ เพื่อนเยอะ จริงๆ ก็อยากไปดูมากแต่ไปแล้วเดี๋ยวคนจะหาว่าไปสร้างกระแสพลอยก็เลยไม่ไปดีกว่า โดนแซวหรือเปล่าไม่รู้แต่พลอยตั้งใจไปให้กำลังใจพี่เขานะ แต่รู้สึกว่าเขาไม่ต้องการก็เลยคิดว่าคงไม่จำเป็น"
แต่เขาว่ากันว่าเราโดนต้าร์สั่งห้ามไป
"คือเขาไม่ได้สั่งห้าม แต่เขาพูดว่าถ้าเห็นแก่ที่เราเคยรักกันมาก็อย่าติดต่อเขา พลอยก็เลยคิดว่าพลอยไม่ควรละมั้ง พลอยทำเขาเสียใจมากๆ พลอยก็ไม่น่าจะมายุ่งกับเขาอีก พลอยก็เลยทำตามสิ่งที่เขาต้องการ"
แบบนี้เรามีเสียน้ำตาบ้างหรือเปล่า
"โอ้ย เสียน้ำตาให้ละครก็เหนื่อยแล้ว(หัวเราะ) ไม่ค่ะ"
เห็นรูปในอินสตาแกรมมีคำว่า Sad
"คือมันเป็นรูปในแอพพลิเคชั่นแต่มันก็แซดจริงๆ นะ"
เห็นเรายังไม่มีข่าวกับหนุ่มๆ เลย แต่ต้าร์ก็เริ่มมีข่าวกับสาวๆ บ้างแล้ว
"จริงๆ พลอยว่ามันเป็นเรื่องของพี่ต้าร์แล้วหละค่ะ ถ้าเขาจะมีใครหรือคบกับใครมันก็เป็นเรื่องของเขาเช่นเดียวกับพลอยถ้าพลอยจะมีใครนะ พลอยก็ไม่ไปยุ่งกับเขาเขาก็ไม่ได้มายุ่งกับพลอยก็โอเคค่ะ ก็เราตกลงกับแล้วว่าเราจะไม่คบกันถ้าเขาจะคบกับใครพลอยก็ไม่ได้ห้ามไม่ได้หวงอะไร ถ้าเขามีคนที่ทำให้เขามีความสุขได้มากกว่าพลอยพลอยก็ยินดีกับเขาค่ะ ตอนนี้พลอยก็แฮปปี้ดี พลอยก็โสดอีกนานเลย(หัวเราะ)"
ละคร มาดามดัน ใกล้ออนแอร์หรือยัง
"ยังถ่ายอยู่เลยค่ะ(ยิ้ม) จิบน้ำชาปีนี้แต่ยังไม่รู้ว่าเดือนไหนค่ะ"
มันมีข่าวลือว่ากองมาดามดันเริ่มเบื่อเราแล้วเพราะเราค่อนข้างวุ่นวาย
"อ้าว เหรอ ทำยังไงหล่ะ ตายแล้ว ยังไงต่อหล่ะ ตอบไม่ถูกเลย คือข่าวนี้ไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ วันนี้ยังไปถ่ายละครอยู่เลย(หัวเราะ) ไม่รู้เรื่องจริงๆ ถ้าใครรู้สึกอย่างนั้นก็บอกหน่อยแล้วกัน"
เห็นว่า อินดี้ อินทัช ปลื้มเรา
"ก็รู้สึกดีที่ยังมีวัยรุ่นมาปลื้มนะ คือพี่ฮันนี่เขาบอกน้องโตแล้ว น้องอินดี้ชอบพี่พลอย น้องเขาซื้อหนังสือเพลย์บอยมาขอลายเซ็นด้วย ก็ขอบคุณเขาค่ะ เขาน่ารักดี โตไปหนุ่มแล้ว"
มาร์ชเองก็ปลื้มเราเหมือนกัน
"คือพลอยก็อยู่ที่นั่นเลยเจอน้องๆ เขา น้องเขาก็เลยปลื้ม"
มีแต่เด็กปลื้มแบบนี้เป็นขวัญใจกินเด็กหรือเปล่า
"เป็นคนเข้ากับคนง่ายค่ะ อาจจะไม่ค่อยถือตัวด้วย เวลาเจอน้องๆ ตามงานน้องเขาก็มาเล่นด้วย มาคุยด้วย ถามว่าจะรับเด็กๆ ไหม โตๆ ยังเอาไม่อยู่เลย(ทำท่ากุมขมับ) คือไม่ได้ปิดแต่โตๆ ยังเอาไม่อยู่เลยนี่จะให้เอาเด็ก(หัวเราะ) เดี๋ยวถ้ามีใครก็ให้เวลาพามาแล้วกัน(หัวเราะ)"

แตงโม เซ็ง! รายการดังจุดประเด็นเขม่น ปุ๊กลุ๊ก ซ้ำสอง

ยังมีประเด็นใหม่ๆ มาให้แก้ข่าวอยู่เรื่อยๆ แตงโม ภัทรธิดา ที่โพสต์อินสตาแกรมแจงวุ่น หลังรายการชื่อดัง "คนดังนั่งเคลียร์" ทางช่องสตาร์แมกซ์ ได้นำเอาเทปรายการตอนไปออกรายการครั้งแรกมาออนแอร์อีกครั้ง มีการพูดถึงประเด็นเกาเหลากับสาวรุ่นน้อง ปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์ จนหวิดเกิดกรณีเขม่นกันไม่จบไม่สิ้น
โดยในอินสตสแกรมของ แตงโม ภัทรธิดา ได้โพสต์ข้อความชี้แจงว่า "รายการคนดังนั่งเคลียร์ได้มีการติดต่อ ขอให้โมไปออกรายการเป็นครั้งที่ 2 แต่โมไม่สะดวกจะไป จึงได้หยิบเอาเทปรายการเทปที่ 1 เป็นเทปเปิดตัวรายการมาฉายซ้ำ โดยไม่ได้ขออนุญาตหรือบอกกล่าวแขกรับเชิญใดๆ ถือเป็นการฉวยโอกาส จึงส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ของโมและน้องปุ๊ก ทำให้ความจริงของปัจจุบันถูกบิดเบือนอย่างมาก จึงขอประเทศให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อให้ทางรายการได้พิจารณาถึงการกระทำที่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น ในฐานะคนจริงใจที่เคยรักและไว้ใจรายการนี้"
ผู้สื่อข่าวไปเจอตัว สาวแตงโม ที่งานเทรนดี้ แอท เดอะไนน์ 2013 ลานไนน์ สแควร์ เดอะไนน์ พระราม 9 จึงออกมาเปิดเผยว่า "โมก็เข้าใจน้องนะ เวลามีคนมาเล่าให้ฟังว่า โมพูดอย่างนั้นอย่างนี้ น้องอาจจะเข้าใจว่า โมขึ้นพูดใหม่ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเทปเก่า น้องเข้าใจผิด โมคงต้องให้ทางรายการออกมาขอโทษคะ การทำแบบนี้มันยิ่งทำให้คนสองคนเข้าใจกันผิด คือตอนนี้โมกับน้องไม่มีอะไรอยู่แล้ว โอเคกันทั้งคู่ อยากให้นึกถึงความสัมพันธ์ของแขกรับเชิญและคนถูกพาดพิงด้วย"
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังถามถึงประเด็น อ๊อด ธีระศักดิ์ พรหมเงิน ผู้กำกับละคร นักสู้มหากาฬ ที่เพิ่งออกมาเปิดเผยว่า แตงโมมีพฤติกรรมแปลกๆ ทำกองถ่ายปั่นป่วน กินยาแล้วปลุกไม่ตื่น มาถ่ายละครสาย ซึ่ง สาวแตงโม ได้อธิบายว่า" โมเป็นคนนอนไม่หลับค่ะ เป็นแบบนี้มาเกือบ 8 ปีได้แล้ว ใช้ยานอนหลับอยู่ จริงๆ โมต้องขอโทษด้วยที่เป็นโรคนี้ ไม่ได้อยากเป็นเลย บางก็รู้ว่าตัวเองไปสาย ก็จะอยู่กองลากยาวถึงเช้ามืดอีกวันเลย โมพร้อมทำงานเสมอตอนกลางคืน เรื่องนี้โมบอกทางช่องไปหมดแล้ว เพราะโมก็ทำงานแบบนี้มาหลายปี คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรกับพี่อ๊อดหรอกค่ะ"

บอย ถกลเกียรติ วีรวรร รูดซิปปาก ไม่ออกความเห็นประเด็น โตโน่

เรียกได้ว่าชัดเจนสุดๆ สำหรับบอสใหญ่เอ็กแซ็กท์ "บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ" เพราะหลังจากโดนกองทัพสื่อถือจ่อไมค์ถามถึงประเด็นความรักของนักร้องหนุ่ม "โตโน่ ภาคิน" กับนางเอกสาว "แตงโม ภัทรธิดา" ที่กำลังโดนกระแสโจมตีอย่างหนักจากแฟนคลับ!! คุณบอยก็ถึงกับออกปากเลยว่า... "เรื่องนี้ผมจบแล้วไม่ขอออกความเห็นอะไรทั้งสิ้นเพราะยิ่งพูดเรื่องนี้ก็ยิ่งไม่จบ"
นอกจากนั้น "บอย ถกลเกียรติ" ก็ยังถือโอกาสชี้แจงประเด็นข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า เจ้าตัวได้ตั้งกฏห้ามศิลปินในสังกัดมีแฟนเพราะหวั่นมีผลเสียต่อการทำงานให้ผู้สื่อข่าวและแฟนคลับได้เข้าใจตรงกันอีกด้วย "เรื่องห้ามมีแฟนผมไม่เคยห้ามเลยเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวเพียงแต่ว่าในอาชีพของเรา เราต้องดูแลตัวเอง รู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูดเท่านั้นเองครับ"
ออกมาเคลียร์ชัดซะขนาดนี้ใครที่คิดว่าคุณบอยเป็นหนามหัวใจ "โตโน่ - แตงโม" ล่ะก็คงต้องคิดใหม่กันแล้วแหละจ้า...

ระทึก เวเนฯ แก๊งกล้อนผมสาว อาละวาดหนัก เผยขายได้ราคางาม-พฤติกรรมสุดโหด


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ว่า ขณะนี้เกิดอาชญากรรมแนวใหม่ขึ้นในประเทศเวเนซุเอลา โดยเป็นอาชญากรรม "กล้อนผมหญิงสาว" ซึ่งสร้างรายได้อย่างงามให้แก่กลุ่ม อาชญากรมีทั้งชายและหญิง
รายงานระบุว่า แก๊งดังกล่าวถูกเรียกขานว่า "แก๊งปิรันยา" หรือ Piranha Gang และเล็งเป้าเหยื่อสาว ๆ ที่ไม่ได้ระวังตัวหรือระแวงภัย บนท้องถนนในเมืองมาราไคโบ เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ ก่อนจะกล้อนผมเหยื่อ โดยกลุ่มยังมีพฤติกรรมโหดรุนแรง เหยื่อบางรายจะถูกทุบตีอย่างหนัก ก่อนกล้อนผมด้วยกรรไกร และยังมีการใช้อาวุธปืนขู่เหยื่อก่อน โดยบังคับให้เหยื่อปล่อยผมยาวก่อนจะลงมือกล้อนผม ซึ่งกลุ่มจะเข้าโจมตีเหยื่อทั้งจากการเดินตาม และด้วยรถมอเตอร์ไซค์ และนำผมดังกล่าวไปขายให้แก่ร้านเสริมสวยด้วยราคาถึง 1,500 ดอลลาร์ต่อหัว (ราว 45,000 บาท) ซึ่งร้านจะนำไปขายให้แก่ลูกค้าที่ต้องการต่อผม โดยไม่รู้ว่าได้ผมของเหยื่อผู้หญิงที่ถูกก่ออาชญากรรมมา

ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้นายกเทศมนตรีเมืองมาราไคโบ สั่งเพิ่มตำรวจเดินลาดตระเวนเพื่อป้องกันอาชญากรรมรูปแบบใหม่นี้ แต่เหล่าผู้หญิงที่ไม่เชื่อมั่นต่อมาตรการของรัฐ โดยจำนวนมากใช้วิธีบริจาคผมตัวเองให้แก่มูลนิธิที่ต้องการผมเพื่อใช้เป็นวิกสำหรับเด็กที่ป่วยเป็นมะเร็ง ขณะที่ประธานาธิบดีนิโคลาส มาดูโร ได้ประกาศว่าเขาจะทำสงครามกับกลุ่มแก๊งมาเฟียกล้อนผมสาวๆ ที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่สังคม

เศรษฐกิจฝืด!? งัดหน้าต่างเพื่อนบ้านกวาดไข่ไก่ กะปิ น้ำปลา ยังชีพ


(3 ก.ย.) ร.ต.ต.วิจิตร เหมยมณีวรรณ หัวหน้าสายตรวจ ต.ป่ากุมเกาะ สภ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย รับแจ้งมีเหตุคนร้ายงัดหน้าต่างบ้านเลขที่ 31/1 หมู่11 ต.ป่ากุมเกาะ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย จนท.ชุดสืบสวน
ในที่เกิดพบนางนิตดา ราชหลวง อายุ 46 ปี ผู้เสียหายยืนรอให้ปากคำว่า บ้านหลังที่เกิดเหตุเป็นบ้านของน้องชายตนเองที่ไปทำงานที่กทม. ตนเองจึงมาทำความสะอาดบ้านให้ โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้เดินมาเปิดประตูบ้าน จึงพบว่าหน้าต่างด้านข้างถูกเปิดออก จึงเดินมาดูและพบว่ามีคนร้ายแอบมางัดแงะ จากการตรวจค้นภายในบ้านพบว่าทีวี พัดลม และสิ่งของมีค่าภายในบ้านยังอยู่ครบ ส่วนที่พบว่าหายไปก็มี ไข่ไก่ที่แช่ไว้ในตู้เย็น 7 ฟอง น้ำอัดลมที่กินไปแล้วครึ่งขวด พริก กะปิ น้ำปลา ผงชูรส เกลือ น้ำตาล และซอสได้หายไป จึงแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ
จากการสอบสวนชาวบ้านทราบว่า คนร้ายที่งัดบ้านของนางนิตดา น่าจะเป็นนายนิคม คงพอน อายุ 29 ปี เพื่อนบ้านของนางนิตดา จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่บ้านของนายนิคม แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบตัวนายนิคม พบเพียงแต่ภรรยานอนอยู่ภายในบ้าน ตำรวจจึงขอตรวจค้นในบ้านพบของกินในครัว เช่น ไข่ไก่ น้ำอัดลม ซุกซ่อนอยู่ในตู้ จึงนำมาให้นางนิดาตรวจสอบ ก็ยืนยันว่าสิ่งของดังกล่าวเป็นของตนเอง
จากนั้น ตำรวจจึงได้ออกติดตามจับกุมตัวนายนิคม ได้ขณะยืนทอดแหอยู่ที่คลองระบายน้ำท้ายหมู่บ้าน จึงควบคุมตัวมาสอบสวน ทั้งนี้นายนิคม ให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นคนลงมือเข้าไปลักของในบ้านของนางนิตดา จริง แต่ที่ทำไปเพราะตกงานไม่มีเงินเลยตัดสินใจงัดหน้าต่างและเข้าไปขโมยของใช้ดังกล่าวเพื่อนำมากิน เบื้องต้นตำรวจได้นำตัวไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

รวบโจรขโมยแหลก ของกลางเต็มรถบรรทุก

(4 ก.ย.) มีรายงานว่า วันที่ 3 ก.ย. พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.เสมอ อ่อนมั่ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านบึง แถลงข่าวการจับกุม นางสาวพัชรี เพิ่มขุนทด อายุ 34 ปี นายวัตชานนท์ เกตุธรรม อายุ 25 ปี นายวสันต์ ลำพอง อายุ 33 ปี นางสาววริษา เขียวเวชวงศ์ อายุ 29 ปี ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน พร้อมด้วยของกลางเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า พระเครื่อง ของใช้เบ็ดเตล็ด เสื้อผ้า ชุดชั้นในที่ใส่แล้ว จำนวนกว่า 1 คันรถบรรทุกหกล้อ และอุปกรณ์งัดแงะประกอบด้วย กรรไกรตัดเหล็ก 1 อัน และอุปกรณ์ใช้สำหรับงัดแงะ
เจ้าหน้าที่สายตรวจพบรถยนต์กระบะ วีโก้ ทะเบียน บธ 3797 ชลบุรี แล่นผ่านมาบริเวณถนนหน้าวัดเจริญธรรม ตำบลบ้านบึง ด้วยท่าทีมีพิรุธจึงได้ขอตรวจค้น และพบของกลางหลายชนิดรวมหลายพันรายการ เช่นทองคำรูปพรรณ  เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเขียน คอมพิวเตอร์  กระเป๋าถือ โทรศัพท์มือถือ พระเครื่อง สายไฟ ที่ชาร์จโทรศัพท์ เสื้อผ้าชายหญิงอยู่หลังรถ จึงนำตัวกลับมาสอบสวน และขยายผลตามไปตรวจค้นที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ถึงกับตกใจที่ได้พบของกลางเป็นจำนวนมากกองอยู่ ที่ผู้ต้องหาขโมยมากว่า 50 ครั้ง โดยหยิบทรัพย์สินทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งไม้ปั่นหู หรือ ชุดชั้นในที่ใช้แล้ว มีอุปกรณ์ในการงัดแงะ คือ คีม กรรไกรตัดเหล็ก ค้อน เหล็กงัดประตู ฯลฯ
โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าจะใช้รถยนต์กระบะที่นำสีขาวมาพ่นทะเบียนทำให้มองดูเหมือนเลอะเลือน เพื่อป้องกันการจดจำของผู้เสียหาย โดยจะตระเวนไปตามเคหะสถานในเขตอำเภอบ้านบึง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่บ้านก็จะเข้าไปงัดแงะ กวาดทรัพย์สินทั้งหมดภายในบ้าน ซึ่งจะทำให้คนภายนอกคิดว่าย้ายบ้าน จากนั้นจะนำไปให้กับเอเย่นต์ยาบ้าเขตตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา เพื่อแลกกับยาบ้า ซึ่งจะนำไปขายต่อและเสพด้วย ซึ่งในระหว่างแถลงข่าวได้มีผู้เสียหายซึ่งเป็นแม่ค้าเข้ามาโวยวายต่อว่าผู้ต้องหาว่าทำตัวเป็นเจ้าของบ้านเข้าไปลักทรัพย์แล้วยังเข้าไปนอนเล่นอย่างใจเย็น นั่งดูทีวี และเปิดไฟทิ้งไว้ แถมเอาของทุกอย่างไป 
ทั้งนี้ ประชาชนที่สงสัยจะมีของที่ถูกขโมยไปสามารถตามมาดูได้ที่ สถานีตำรวจภูธรบ้านบึง 
(ขอบคุณข้อมูลและภาพข่าวจาก เรื่องเล่าเช้านี้)

ชูวิทย์ จวก ชัชชาติ “เมื่อไหร่จะเลิกโง่เสียที?“


(4 ก.ย.) มีรายงานว่า วันที่ 3 กันยายน นาย โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊ก "ชูวิทย์ I'm No.5" เกี่ยวกับกรณีที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.กระทรวงคมนาคม โพสต์ชี้แจงกรณีขึ้นราคาค่าทางด่วน ที่บอกว่า รัฐบาลไม่สามารถตรึงราคาได้ เพราะมีข้อผูกพันด้านสัญญา เช่นเดียวกันกับ BTS และ รถไฟใต้ดิน ที่ไม่สามารถควบคุมค่าโดยสารได้ เพราะต้องทำตามสัญญา นายชูวิทย์ได้แสดงความคิดเห็นว่า ทำไมรมว.กระทรวงคมนาคมจึงไม่ทำการแก้ไขข้อสัญญาที่รัฐบาลชุดเก่าทำไว้ พร้อมยังวิพากษ์วิจารณ์ระบบ "อีซี่พาส" ของไทยที่ไม่ได้มาตรฐาน
โดยข้อความระบุว่า
"...เมื่อไหร่จะเลิกโง่เสียที?
วันนี้ รมว.กระทรวงคมนาคม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชี้แจงในเฟสบุ๊คกรณีขึ้น "ค่าทางด่วน" โดยบอกว่า ทางด่วนขั้นที่ 1 รัฐลงทุนเอง และขั้นที่ 2 เอกชนลงทุน ส่วนที่เอกชนลงทุนนั้น มีสัญญาว่า จะต้องปรับราคาทุก 5 ปี ครบกำหนด 1 กันยายน 2556 นี้
ท่านบอกอีกว่า "ถึงรัฐบาลต้องการตรึงราคาเท่าใด ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะมีข้อผูกพันด้านสัญญา เช่นเดียวกันกับ BTS และ รถไฟใต้ดิน ที่ไม่สามารถควบคุมค่าโดยสารได้ เพราะต้องทำตามสัญญา"
ดูเอาเถอะครับ ว่าเรามี "กระทรวงคมนาคม" ไว้ทำไม? เมื่อโครงการใหญ่ๆทุกโครงการ มักจะทำแบบ "คนละครึ่งทาง" ทางด่วนมี 2 ขั้น ขั้นที่ 1 รัฐลงทุนเอง แต่พอถึงขั้นที่ 2 ดันให้เอกชนลงทุน ในเมื่อทำเองได้ตั้งแต่ขั้นที่ 1 แล้วทำไมขั้นที่ 2 ต้องไปให้เอกชนทำ?
เมื่อเอกชนเห็นว่ามีกำไรชัดๆ เลย "ยืมมือ" รัฐ สานต่อในขั้นที่ 2 เป็นเรื่อง "โง่" ของรัฐเอง ที่ดันไปให้เอกชนทำแล้วระบุในสัญญา "น้ำท่วมปาก" ตอบกันแบบ "กำปั้นทุบดิน" ไม่น่าจะเป็นระดับ "รองศาสตราจารย์" อย่างนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พูด
การไปยก "ข้ออ้าง" ว่ารัฐบาลในอดีตทำสัญญา แล้วรัฐบาลปัจจุบันไม่แก้ไข จะมีรัฐบาลไปทำไม?
หรือจะ "โบ้ย" อยู่อย่างเดียวว่าระบุในสัญญา อย่างนี้จะมี รมว.คมนาคม ไปทำไม?
เช่นเดียวกับ "รถไฟฟ้า BTS" โครงการ "ช่วงแรก" เอกชนลงทุน พอถึง "ช่วงต่อขยาย" กทม. กลับไปลงทุนเอง แล้วยกให้เอกชนบริหาร ฟาดกำไรเข้ากระเป๋า
BTS รู้ดีว่า ไม่มีใครกล้า "แหยม" เพราะไม่มี "อู่รถไฟฟ้า" แบบที่จตุจักร ทำให้เอกชนรายอื่น "หดหัว" แบบนี้เท่ากับไป "ต่อยอดธุรกิจ" ให้ BTS
ทั้งสอง "อภิมหาอมตะโครงการ" ล้วนอยู่ในวงจร "ธุรกิจการเมือง" ทั้งสิ้น ไม่ว่า "รูปแบบของโครงการ การลงทุน และสัมปทาน" ประชาชนยังคงเป็น "หมาหัวเน่า" มีปาก แต่ไม่มีเสียง เมื่อเขาจะขึ้น เราก็ได้แค่บ่น เพราะสัญญามัดตัวไว้
ส่วน "อีซี่พาส" ที่เราใช้อยู่ ระบบ "ห่วยแตก" อย่างสุดบรรยาย เทียบกับประเทศอื่นไม่ได้ ของเราเติมเงินแล้วใช้ไม่ได้ในทันที ต้องรอหลายชั่วโมงกว่าจะ "อัพเดทยอดเงิน" แล้วไม่รู้ว่าจะเติมไปทำไม? เพราะใส่เงินแล้วเครื่องไม่อ่าน ขับเข้าช่องอีซี่พาสต้องชะลอ บางครั้งต้องถอยหลัง ยิ่งช้ากันไปใหญ่ เสียเวลามากกว่าจ่ายเงินสดเสียอีก
ของประเทศอื่น ช่องอีซี่พาสวิ่งฉิว ระดับ 80 กม./ชม. ไม่ต้องชะลอให้เสียเวลา เติมเงินที่ไหนก็ได้ ซุปเปอร์มาเก็ต หรือ ปั๊มน้ำมัน
อย่างนี้สิครับเรียกว่า "อีซี่" พาส ของเรามัน "เครซี่" พาส บ้าไปแล้ว..."