เอแบคโพล เผย ปชช. กว่าร้อยละ 60 ยังยอมรับได้หากรัฐบาลทุจริต แต่ตนเองได้ผลประโยชน์ ชี้คนที่ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัย
วันนี้ (3 เมษายน 2556) ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องเปรียบเทียบแนวโน้มทัศนคติอันตรายในหมู่ประชาชนว่าด้วยการยอมรับรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น ถ้าตนเองได้ผลประโยชน์ด้วย กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนในพื้นที่ 17 จังหวัดของประเทศ
โดยผลการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือเกินกว่าร้อยละ 60 ยังคงยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่นแต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย ตลอดการสำรวจตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 จนถึงปัจจุบัน โดยเมื่อจำแนกออกตามเพศ พบว่า เป็นผู้ชายร้อยละ 66.9 และผู้หญิงร้อยละ 64.4
เมื่อจำแนกตามช่วงอายุ พบว่ากลุ่มที่ยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย มีดังนี้





ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อจำแนกตามการศึกษา พบว่า ยิ่งกลุ่มคนที่มีการศึกษาสูงขึ้น ยิ่งมีแนวโน้มของคนที่ยอมรับรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่นลดน้อยลง แต่ก็ยังเป็นจำนวนส่วนใหญ่ของทุกกลุ่ม ดังนี้



และเมื่อจำแนกตามกลุ่ม มีดังนี้






นอกจากนี้ ดร.นพดล ยังเปิดเผยด้วยว่า จากการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เจาะลึกพบว่า กลุ่มคนที่ยอมรับรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่นส่วนใหญ่ต่างระบุในทิศทางเดียวกันว่า คนที่ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัย กลับถูกข่มขู่คุกคามทำร้ายถึงชีวิต ถูกรังแกกลั่นแกล้งสารพัด ไม่มีใครหรือหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจังต่อเนื่อง คนดีกลับไม่มีที่ยืนจนต้องทำตัวเป็นน้ำปล่อยให้ไหลตามกันไปเพื่อความอยู่รอด
และเมื่อถามถึงการรับรู้เรื่องการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นกลับพบว่าไม่มีประโยชน์มากนัก มีแต่การสร้างภาพให้จบ ๆ กันไป ยิ่งไปกว่านั้น การจัดอีเว้นท์ต่อต้านการทุจริตก็มีผลประโยชน์เชิงธุรกิจ
โดยสรุปของผลวิจัยเชิงคุณภาพคือ ส่วนใหญ่รู้สึกหดหู่ อยากเห็นอัศวินขี่ม้าขาว อยากเห็น "คนดีและเก่ง" มาปกครองบ้านเมืองแต่ยังหาไม่เจอตัวจริงเลยในสังคมไทย ทุกองค์กรแม้แต่ในกลุ่มที่น่าจะเป็นคนดีน่าเลื่อมใสศรัทธาแต่ก็มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ยักยอก ฉ้อโกง เงินบริจาคของประชาชนไปให้กับตนเองและพวกพ้องคนใกล้ชิด
เมื่อถามถึงหน่วยงาน ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าเป็นหน่วยงานสำคัญและจำเป็นมากแต่ต้องการให้เร่งดำเนินการให้เป็นตัวอย่างที่ดีและทำให้ขบวนการทุจริตคอร์รัปชั่นหมดไปจากสังคมไทยให้ได้ด้วยบทลงโทษที่รุนแรงสูงสุด แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ป.ป.ท. เพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นหน่วยงานที่สร้างความหวังในหมู่ประชาชนเรื่องการเปิดโปงขบวนการทุจริตงบภัยพิบัติ แต่คนเปิดโปงก็ถูกโยกย้ายพ้นอำนาจโดยตรงในการตรวจสอบหลังจากนั้นบทบาทของ ป.ป.ท. ก็ไม่อยู่ในการรับรู้ของประชาชนมากพอที่จะสร้างความวางใจและพลังต่อต้านของสาธารณชนต่อรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่นได้
ดังนั้นทางออกที่น่าพิจารณาคือ





0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น