วันนี้ (9 พฤษภาคม) พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ผบก.ปอท. เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานจาก กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแล้ว ตนได้ตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นเพื่อดำเนินการตรวจสอบหาที่แหล่งที่มาผู้เข้าถึงข้อมูล พร้อมกับเตรียมส่งผู้เชี่ยวชาญด้านระบบคอมพิวเตอร์ไปตรวจสอบ โดยล่าสุด ทีมทำงานได้ระดมหามือแฮกเกอร์ทั้งคืนในเซฟเฮ้าส์ของ ปอท. และรู้ตัวคนทำแล้ว แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับต่อไป
ส่วนกรณีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 หลายมาตรา เช่น
มาตรา 5 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 7 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 10 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ในส่วนของข้อความนั้นก็จะเข้าข่ายในข้อหาหมิ่นประมาท ตามกฎหมายอาญา อีกด้วย
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT เปิดเผยถึงกรณีนี้ ว่า ในช่วงบ่ายทางกระทรวงจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ประชาชนและสื่อมวลชนทราบถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวแฮกเกอร์อีกครั้ง
ส่วนมาตรการป้องกันในเว็บไซต์ของรัฐบาลนั้น รมว.ไอซี ระบุว่า ทางไอซีทีจะไปเป็นพี่เลี้ยง ให้แก่ กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ซึ่งระบบที่โดนแฮกส่วนใหญ่ ยังเป็น Android, iOS และ Windows ดังนั้น เจ้าหน้าที่ต้องทำการอัพเดทซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความทันสมัย และจะต้องปิดรอยรั่วที่บกพร่องต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น