สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าหญิงชาวบังคลาเทศวัย 36 ปี ถูกสามีสาดน้ำกรดใส่หลังจับได้ว่าเขาแอบนอกใจไปมีสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับหญิงอื่น หลังแต่งงานกันมา 18 ปี
รายงานกล่าวว่าผู้เสียหายรายนี้ชื่อเนอร์บานู หลังหย่าขาดจากสามีได้ 8 วัน ขณะที่เธอกำลังทำอาหารอยู่ในครัวที่บ้าน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของบังคลาเทศ อดีตสามีได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา จากนั้นก็สาดน้ำกรดใส่เธอแล้วหลบหนีไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เนอร์บานูเสียโฉม ตาบอดสนิทและไม่สามารถแม้แต่จะเตรียมอาหารให้ตัวเองได้ ส่วนอดีตสามีของเธอถูกจับหลังจากหลบหนีไปได้10 เดือน หลังถูกจำคุกเป็นเวลา 1 ปี แม่ของเขาได้จ่ายเงินประกันตัวและบังคับให้เธอเซ็นชื่อในบันทึกคำให้การเพื่อให้ปล่อยตัวเขาออกมา
นอกจากนั้นเธอยังถูกโน้มน้าวให้กลับมาแต่งงานกับอดีตสามีอีกครั้ง โดยอ้างว่าให้เห็นแก่ลูกชายของเธอ เนอร์บานูบอกกับผู้สื่อข่าวว่าคนทั่วไปคิดว่าสามีของเธอคงจะดูแลภรรยาที่ตาบอดเป็นอย่างดี แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเขายังทุบตีเธอเสมอ
ขณะที่โมรินา เราะห์มาน ซีอีโอของมูลนิธิเหยื่อจากน้ำกรด หรือ (ASF) ในบังคลาเทศ ซึ่งทำงานช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกทำร้ายด้วยน้ำกรดและน้ำมันมาเป็นเวลา 14 แล้วเปิดเผยว่า ผู้หญิงในบังคลาเทศมีสถานะต่ำในสังคมและมักจะถูกทำร้ายบ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าบางครั้งจะมีผู้ชายตกเป็นเหยื่อบ้างแต่ส่วนมากมักจะเป็นผู้หญิงที่ถูกทำร้ายมากกว่า
จากข้อมูลของ ASF บอกว่าในปีนี้มีผู้หญิงถูกทำร้ายด้วยน้ำกรด 59 คนแล้ว และในปี 2554 มีผู้รอดชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยน้ำกรด 118 คน เป็นผู้หญิง 75 คนและ 13 คนมีอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยแรงจูงใจในการทำร้ายมักเกิดจากข้อพิพาทเรื่องที่ดิน เรื่องเงิน ชีวิตสมรสและความขมขื่นจากการถูกเหยียดหยาม
ข้อมูลกล่าวว่าเมื่อปี 2554 รัฐบาลบังคลาเทศได้ออกกฏในการขายน้ำกรดที่เข้มงวดขึ้น ทำให้จำนวนตัวเลขผู้ที่ถูกทำร้ายลดลงจากเดิม โดยตัวเลขชี้ว่าในปี 2545 มีเหยื่อถูกทำร้ายด้วยน้ำกรดถึง 500 คน นักรณรงค์ต่อต้านการทำร้ายด้วยน้ำกรดกล่าวเพิ่มเติมว่าต้องเพิ่มสิทธิสตรีในบังคลาเทศเพื่อให้ความรุนแรงทางเพศ เช่นการทำร้ายด้วยน้ำกรดหมดไปอย่างถาวร
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น