
เป็นมหากาพย์อยู่นานพอสมควร สำหรับการสรรหาตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคเพื่อไทย ที่มี 2 กระแสว่าจะส่งใครลงเลือกตั้งระหว่าง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เคยลงรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มาแล้วเมื่อ พ.ศ. 2543 แต่พ่ายให้กับ นายสมัคร สุนทรเวช หรืออีกหนึ่งตัวเลือกของพรรคเพื่อไทยคือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่มีข่าวลือหนาหูในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า เตรียมลาออกจากข้าราชการตำรวจ หลังจากถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทาบทาม มาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.
และเมื่อวันที่15 มกราคมที่ผ่านมา ทางพรรคเพื่อไทยก็ได้เปิดตัว พล.ต.อ.พงศพัศ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ โดยที่ พล.ต.อ.พงศพัศ ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กในวันนั้นเลยว่า "เป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต"


พร้อมกันนั้น ป้ายหาเสียงเลือกตั้งของ พล.ต.อ.พงศพัศ ก็เริ่มติดตามจุดต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ในวันถัดมา โดยชูนโยบาย "วางยุทธศาสตร์ สร้างอนาคตกรุงเทพฯ ร่วมกับรัฐบาล อย่างไร้รอยต่อ" แสดงให้เห็นถึงแนวคิดหลักของการหาเสียงครั้งนี้ว่า รัฐบาลกับผู้ว่าฯ กทม. ต้องมาจากพรรคเดียวกัน จึงจะประสานงานกันได้ดี กรุงเทพฯ เจริญก้าวหน้า ไม่มีการขัดแข้งขัดขา

จากนั้นจึงได้ชูนโยบายอื่น ๆ เพิ่มเติม จากการสัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน และการปราศรัย เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้สามารถสรุปนโยบายหาเสียงของ พล.ต.อ.พงศพัศ ได้ดังนี้















ทั้งหมดนี้เป็นนโยบายเบื้องต้นของ พล.ต.อ.พงศพัศ ที่ใช้ในการหาเสียง แต่สำหรับคนที่ยังไม่ทราบว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคเพื่อไทยคนนี้เป็นใครมาจากไหน ทางกระปุกดอทคอมก็จะนำเสนอประวัติ พล.ต.อ.พงศพัศ ต่อไป
พล.ต.อ.พงศพัศ เกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2498 ที่ จ. จันทบุรี มีชื่อเดิมว่า ไพรัช พงษ์เจริญ จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 15 และโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 31 โดยเมื่อจบการศึกษาแล้วก็ยังได้รับทุนจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ให้ไปเรียนต่อด้านอาชญาวิทยา ที่สหรัฐฯ จนจบการศึกษาระดับปริญญาเอก
หลังจากเรียนจบ พล.ต.อ.พงศพัศ ก็เข้ารับราชการตำรวจ เป็นนายเวรติดตาม พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผู้บังคับการศูนย์คอมพิวเตอร์ตำรวจ, ผู้บังคับการกองสารนิเทศ ของกรมตำรวจ, รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตามลำดับ อีกทั้ง พล.ต.อ.พงศพัศ ยังเป็นโฆษกของกรมตำรวจและสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย ทำให้ประชาชนคุ้นหน้าคุ้นตาผ่านสื่อเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ในปี 2551 พล.ต.อ.พงศพัศ ถูกย้ายออกจากโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วแต่งตั้ง พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ดำรงตำแหน่งแทน เนื่องจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น เห็นว่า พล.ต.ท.วัชรพล มีความเป็นนักวิชาการมากกว่า
อย่างไรก็ดี พล.ต.อ.พงศพัศ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง หลังจากที่ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 ซึ่งในครั้งนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ กลับมารับตำแหน่งเกือบครบ 1 ปี จึงได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเห็นว่าดำรงตำแหน่งนี้มา 5 สมัยแล้ว และตอนนั้นได้รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา (สบ.10) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ มีตำแหน่งเทียบเท่ารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกด้วย
กระทั่งในปี 2554 พล.ต.อ.พงศพัศ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ควบตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นตำแหน่งสุดท้าย ก่อนที่จะลาออกจากราชการ มาลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคเพื่อไทย

สื่อโซเซียลมีเดียของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ (หมายเลข 9)




จากประวัติดังกล่าว อาจจะทำให้หลายคน ทราบถึงความเป็นมาของ พล.ต.อ.พงศพัศ คนนี้มากขึ้น และอาจเป็นข้อมูลอีกข้อมูลหนึ่งสำหรับชาวกรุงเทพฯ ในการตัดสินใจเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในวันที่ 3 มีนาคม 2556 นี้ ก็เป็นได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น