วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

สลด! ลูกสาวทิ้งแม่วัย 85 ที่สถานีรถไฟชุมพร อดข้าวนาน 4 วัน

ลูกสาวเชื่อสามี ไม่อยากมีภาระก่อนเดินทางไปค้าขาย ทิ้งแม่วัย 85 ที่สถานีรถไฟชุมพร จนอดข้าวนาน 4 วัน



            เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2556 หน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุพบหญิงชราถูกลูกนำมาทิ้งไว้ที่สถานีรถไฟหลังสวน ขอให้เข้าไปความช่วยเหลือด้วย จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ

            โดยที่เกิดเหตุพบหญิงชราอยู่บริเวณที่นั่งรอรถไฟของผู้โดยสาร ท่าทางมอมแมม มีอาการสะลึมสะลือ และใบหน้ามีคราบน้ำตา ข้างกายมีถุงสัมภาระและไม้เท้า หน่วยกู้ภัยฯ จึงซื้อข้าวกล่องให้หญิงชราคนดังกล่าวกินด้วยความหิวโหย

            จากการสอบถามหญิงชราทราบชื่อคือ นางทองดี โพธิ์ศรี อายุ 85 ปี ระบุว่า ตนจำได้แต่ว่าเป็นคนอำเภอตะพานหิน จ.พิจิตร เมื่อ 4 วันที่ผ่านมา ถูกลูกสาวอายุประมาณ 50 ปีกับสามี ซึ่งมีอาชีพขายลูกโป่งสวรรค์ตามงานวัดและตลาดนัด นำมาทิ้งไว้ที่สถานีรถไฟหลังสวน พร้อมทั้งบอกว่า ให้อยู่ที่นี่ 10 วัน แล้วจะมารับ พร้อมทั้งนำถุงสัมภาระ ไม้เท้า มาวางไว้ให้ แล้วขับรถยนต์จากไป

            ครั้งสุดท้ายจำได้ว่า ตนมาจาก จ.สุราษฏร์ธานี และกำลังจะไปขายลูกโป่งสวรรค์ที่งานวัดแห่งหนึ่ง ใน จ.ชุมพร ได้ยินเสียงสามีของลูกสาว บอกให้เอาแม่ไปทิ้งไว้ที่ไหนก่อนแล้วจะไปค้าขายโดยไม่ต้องมีภาระ จนกระทั่งนำมาทิ้งที่สถานีรถไฟหลังสวน ซึ่งตัวเองไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียวมานั่งและนอนหลับท่ามกลางความหิว ร้อน และยุงกัด ในตอนกลางคืน ได้กินข้าวเพียงวันละมื้อ จากผู้ที่เข้ามาสอบถาม และซื้อข้าวให้กิน ส่วนน้ำไม่ได้อาบมา 4 วันแล้ว อีกทั้งยังมีโรคเบาหวาน ความดัน ที่แสดงอาการอยู่เสมอ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือพาไปอยู่กับลูกสาวคนโต ที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี ชื่อ นางบุญชู โพธิ์ศรี แต่ขณะนี้ไม่มีเงินติดตัวสักบาท และไม่รู้จะไปอย่างไร

            อย่างไรก็ตาม ทางด้านเจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยหลังสวน ได้ประสานไปยังหน่วยประชาบดี สังกัดสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชุมพร เพื่อให้การช่วยเหลือ และนำนางทองดีไปไว้ในสถานที่เหมาะสม ก่อนจะดำเนินการช่วยเหลือต่อไป ขณะที่ผู้โดยสารที่มารอรถไฟต่างพากันบริจาคเงินคนละเล็กคนละน้อยให้แก่นางทองดีด้วยความสงสาร เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงใกล้วันผู้สูงอายุ 13 เมษายน ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์พอดี

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น