วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

หวาย อองตวน หวานไม่มีตกกก

หวาย อองตวน หวานไม่มีตกกก
ขยันโพสต์ภาพความหวานอวดโลกไซเบอร์อยู่บ่อยๆ จนคนรอบข้างอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถว แต่ไม่วายแมงเม้าท์เต้าข่าวความรักเริ่มส่อแววร้าวแล้ว งานนี้นักร้องสาวแห่งค่าย กามิกาเซ่ หวาย ปัญญริสา เลยขอการันตีด้วยภาพสวีทหวาน ยืนยันยังแฮปปี้อินเลิฟกับ หนุ่มอองตวน นักมวยชาวฝรั่งเศสอยู่! แม้ว่าจะหาเวลามาเติมความหวานน้อยไปนิด แต่ยังไงความรักก็ยังสดใสซาบซ่าเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะจ๊ะ!! 

เม้าท์แรง!! สน ยุกต์ เคยกินถั่วดำ อาเล็ก ธีรเดช

เม้าท์แรง!! สน ยุกต์ เคยกินถั่วดำ อาเล็ก ธีรเดช
เจอกระแสเม้าท์มอยว่าเป็นคู่ขาข้าวเหนียวถั่วดำเข้าจนได้สำหรับซุป'ตาร์ ฉายาโรบอท "สน ยุกต์ ส่งไพศาล"กับพระเอกหน้าใหม่ "อาเล็ก ธีรเดช" แถมงานนี้ทั้งคู่ยังถูกเม้าท์ร้ายด้วยว่าแอบซุ่มกินกันเงียบๆ มาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาแล้ว!!
ซึ่งล่าสุดทีมข่าว Sanook! News ได้มีโอกาสเจอกับหนุ่มสน ระหว่างบวงสรวงละครเรื่อง "หัวใจเรือพ่วง" ก็เลยต้องเข้าไปสอบถามสักหน่อยว่ากระแสเม้าท์มอยดังกล่าวจริงเท็จยังไงกันแน่ และหลังจากนี้มีแผนที่จะนัดเคลียร์กันรึเปล่า ซึ่งหนุ่มสนก็ได้ให้คำตอบเราว่า....
"ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ครับและก็ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวด้วย เราอาจเรียนที่เดียวกันแต่ผมเองก็ไม่เคยเจอเค้าที่มหาวิทยาลัย เจอกันครั้งแรกก็วันงานช่องสามแค่นั้นเองครับ คือผมก็สงสัยเหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงมีข่าวว่าผมเป็นเกย์ออกมาตลอด ทั้งๆ ที่ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่งนะครับ"
กรธรึเปล่า เพราะตั้งแต่ก้าวแรกที่เราเข้าวงการมาก็เจอแต่ข่าวทำนองนี้ ?
"ไม่โกรธครับชินแล้วกับข่าวแนวนี้ ผมมองเป็นเรื่องขำๆ มากกว่า เพราะไม่ว่าจะถามยังไงผมก็ตอบเหมือนเดิมคือเป็นผู้ชายทั้งแท่งครับ"

ไม่อยากมีลูก แป้ง อรจิรา กลัวกรรมสนอง

ไม่อยากมีลูก แป้ง อรจิรา กลัวกรรมสนอง!?
ออกมายอมรับตรงๆ กลางงานบวงสรวงละครเรื่อง "หัวใจเรือพ่วง" เลยว่าสาเหตุที่ทำให้ไม่อยากมีทายาทตัวน้อยในตอนนี้เพราะ "กลัวการมีห่วง และ กรรมตามสนอง" สำหรับนางเอกสาว "แป้ง อรจิรา" เพราะตั้งแต่จูงมือสามีสุดหล่อ "ผู้กองต้อม" เข้าประตูวิวาห์เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็มีคำถามจากบรรดาแฟนๆและผู้ใหญ่ถึงเรื่องทายาทมาตลอดซึ่งงานนี้เจ้าตัวก็ยืนยันหนักแน่นแล้วว่าไว้อีกสองปีค่อยคิดละกัน...
"คุณพ่อคุณแม่สามีก็เร่งเหมือนกันค่ะบอกว่าอยากอุ้มหลานต้องมีให้ได้ในปีนี้ แต่ว่าแป้งยังไม่อยากมีจริงๆ ก็เลยบอกท่านไปว่าขออีก 2ปีค่อยคิด คือแป้งกลัวว่าถ้ามีลูกแล้วแป้งจะต้องคอยเป็นห่วงเค้าในทุกๆ เรื่องซึ่งแป้งยอมรับเลยว่าแป้งยังไม่อยากมีห่วง อีกอย่างแป้งกลัวกรรมตามสนองด้วย เพราะตอนเด็กๆ แป้งแสบมากทำพ่อแม่เครียดไปหลายปี ก็เลยทำให้ยังไม่อยากมี ตอนนี้ขอใช้ชีวิตคู่กันไปก่อนดีกว่าค่ะไม่รีบ"
ส่วนทริปฮันนีมูนหลังแต่งงานของสาวแป้งกับสามีสุดหล่อที่หลายคนอยากทราบว่าจะเป็นที่ไหนนั้น เจ้าตัวก็ได้อัพเดทแล้วว่ากลางปีนี้จะควงแขนกันไปท่องยุโรปเมืองแห่งความโรแมนติกกันสองต่อสอง เอ้า...แฟนๆ รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมแวะไปชมภาพหวานๆ ในอินสตาแกรมของเธอละกันนะจ๊ะ!!!

ของขึ้น!“อาเล็ก“ฮาเป้าตุงร่วมถ่ายเอ็มวีกับ“ยิปซี“

ของขึ้น!“อาเล็ก“ฮาเป้าตุงร่วมถ่ายเอ็มวีกับ“ยิปซี“
เป็นพระเอกหน้าใหม่ไฟแรงที่แจ้งเกิดจากภาพยนตร์เรื่อง "คุณนายโฮ" เป็นธรรมดาที่คนหน้าใหม่จะโดนขุดคุ้ยหรือมีข่าวแรงๆออกมาให้เคลียร์ ก่อนหน้านี้ "อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ" ก็ถูกเม้าท์เป็นเกย์คู่ขากับพระเอกโรบอท "สน-ยุกต์ ส่งไพศาล" แต่ล่าสุดก็มีภาพควงสาวไปเดินตรอกข้าวสาร งานนี้ทำเอาเจ้าตัวถึงกับโล่งใจที่หลุดพ้นข้อครหาชายรักชาย โดยบอกว่าเป็นข่าวกับผู้หญิงยังดีซะกว่า ทั้งนี้ยังชี้แจงกรณีภาพเป้าตุงขณะงานร่วมกับ "ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์" ถ่ายเอ็มวีเพลง "กลัวความห่างไกล" ของ "โดม-จารุวัฒน์" เจ้าตัวแจงว่า
"ผมเห็นภาพแล้ว มันคงไม่ใช่หรอกเพราะตำแหน่งมันไม่ใช่ ผมดูภาพเพ่งแล้วเพ่งอีกแต่ก็ขำๆ หลายคนก็ถามว่ามันคืออะไรถ้าไม่ใช่อันนั้น ผมคิดว่ามันคงจะเป็นมือถือหรือทิชชูมากกว่า"
ไม่ได้ของขึ้นกลางฉาก
"ไม่ๆ โห...ตายแล้ว (หัวเราะ)"
รู้สึกตอนนี้จะกลายเป็นขวัญใจเกย์ไปเลย
"อันนี้กล้วยหอมอันใหญ่นะ"
ปลื้มฉายา "อาเล็กกล้วยหอม" ไหม
"ไม่ปลื้มเท่าไหร่"
ถามถึงเรื่องที่มีคนเห็นควงสาวไปเดินตรอกข้าวสาร
"ไปตรอกข้าวสารสังสรรค์ กินข้าวกับกลุ่มเพื่อนครับส่วนใหญ่เป็นเพื่อนผู้ชายแต่ไม่ได้เมานะ ถ้าเมาคงผิดคนแล้วล่ะ ส่วนสาวหมวยคนนั้นเป็นพี่คนนึงที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันครับ เขาอายุค่อนข้างเยอะแล้ว ยังดีนะคนนี้มาเป็นผู้หญิง รู้สึกโล่งใจ ไม่ได้เป็นผู้ชายเหมือนคราวที่แล้ว"
ดูเหมือนดีใจที่มีข่าวกับผู้หญิงแล้วจะกลบข่าวเกย์
"ดีใจครับ เพราะข่าวที่ผ่านมาก็เป็นเกย์ คู่ขากับ "สน-ยุกต์" โอเคออกมาเป็นข่าวกับผู้หญิงบ้าง จะได้หายเข้าใจผิดสักที"
แล้วมีตัวจริงหรือยัง
"ยังครับ"
ที่ยังไม่มีแฟนเพราะเข้าวงการกลัวกระทบงานหรือเปล่า
"ไม่นะ ผมว่าสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน เดี๋ยวนี้คนไทยเปิด เห็นเอาผมไปจิ้นกับคนนู้นคนนี้ก็มี ฉะนั้นผมก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร ถ้ามีก็บอก"
เรายังไม่พร้อมหรือเปล่า
"ไม่มีเวลามากกว่า เวลาว่างก็ต้องอยู่กับพ่อแม่ อย่างวันนี้แม่ก็มา วันไหนว่างแล้วหนีไปกับเพื่อน พ่อแม่ก็งอน"
คุณแม่ตกใจไหม ลูกชายมีข่าวเป็นเกย์
"หัวเราะ ที่บ้านก็ตลก"

เฟี๊ยต จวกนักข่าว! ด่าโอ๋ประมาททำน้องแสนดีป่วย

เฟี๊ยต จวกนักข่าว! ด่าโอ๋ประมาททำน้องแสนดีป่วย
เฟี๊ยต มธุกร ไม่ทน หลังโอ๋ ภัคจีรา ถูกหนังสือพิมพ์ชื่อดังเขียนบทความว่า สาวโอ๋ประมาทไม่ยอมหยุดทำงาน จนทำให้น้องแสนดี ติดโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง พร้อมเอาไปเปรียบเทียบกับครอบครัวของดาราคนอื่นๆ อีกด้วยนั้น
หนุ่มเฟี๊ยตเลยออกโรงปกป้องภรรยา โพสต์รูปบทความดังกล่าวพร้อมข้อความสุดแรงว่า "คอลัมน์โดย คุณ... อยากจะบอกว่า_ึงรู้มั้ยว่า แม่ที่เป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรงทุกคน ลูกที่ออกมาจะมีอาการเหมือนแม่ทุกคน แต่เป็นอาการชั่วคราว แล้วจะหายเป็นปกติเอง _ึงเอาเรื่องนี้มาทำให้โอ๋ ดูเป็นคนประมาท ไม่ยอมหยุดทำงาน แล้วเอาอีก2ครอบครัวมาเปรียบเทียบ. กูคิดว่าคนอย่าง_ึงแหละที่เป็นผลพวงของความประมาท ของบุพาการี_ึงที่ให้_ึงเกิดมา"

ส่อง “เอ๊ะ ดอม“ จัดทริปสวีทหลังแต่งงาน

ส่อง “เอ๊ะ ดอม“ จัดทริปสวีทหลังแต่งงาน
ขอเติมความหวานให้กันซะหน่อย สำหรับคู่ข้าวใหม่ปลามันอย่างคู่รักนางแบบสาว เอ๊ะ ศศิกานต์ กับสามีนักธุรกิจหุ่นล่ำ ดอม โดมินิค ที่จัดทริปหว๊าน หวาน หลังจากใช้ชีวิตคู่มาได้สักพักด้วยการควงแขนกันไปสวีทท่ามกลางธรรมชาติและแมกไม้ ณ หลวงพระบาง ประเทศลาว ทำเอาบรรดาแฟนคลับเพื่อนเพื่อนซี้ในอินสตาแกรมบ่นอิจฉากันเป็นแถววว ก็แหม...ทำยังไงได้ละคู่นี้เค้าน่ารักลงตัวจริงๆ

ชุดออกงานของ “กิ๊บซี่“ เซ็กซี่ได้ใจสุดๆ

ชุดออกงานของ “กิ๊บซี่“ เซ็กซี่ได้ใจสุดๆ
เซ็กซี่ คงเป็นอย่างแรกที่นึกถึงหากพูดถึงชื่อของ "กิ๊บซี่ วนิดา" หรือ "กิ๊บซี่ เกิร์ลรี่เบอรี่" เพราะแฟชั่นของ She เวลาออกงานแต่ละครั้งนั้นเรียกได้ว่าแซ่บเวอร์ไม่มีใครเกินจริงๆ ยิ่งล่าสุดในงานช่อง 8รับแขก ที่เจ้าตัวตั้งใจคว้ากางเกงยีนส์ขาสั้นตัวเก่งกับเสื้อกล้ามโชว์บราสีชมพู มาออกงานด้วยแล้ว ก็ต้องยอมรับเลยว่ากิ๊บซี่ She มีเทคนิคงัดของดีสะกดทุกสายตาได้เริดเวอร์จริงๆ!!!

ทาทา ท้อโรครุมเร้า จนพักงานยาว ดีใจแฟนฝรั่งดูแลไม่ห่าง

ทาทา ท้อโรครุมเร้า จนพักงานยาว ดีใจแฟนฝรั่งดูแลไม่ห่าง
พักหลังๆ นี้เข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นสำหรับสาว "อมิตา ทาทา ยัง" โดยมีแฟนหนุ่มชาวโรมาเนีย "วิค" คอยเฝ้าดูอาการอยู่ไม่ห่าง เมื่อได้เจอสาว "ทาทา" ในงานถ่ายโปสเตอร์คอนเสิร์ต 6.2.13 ที่ สตูดิโอ ครีเอติเมจ ซ.ปรีดีพนมยงค์ 14 โดยเจ้าตัวก็อัพเดทถึงอาการที่ป่วยให้ฟังว่า...
"ยังไม่ดีขึ้นค่ะ ยังไม่หาย คือยังเป็นเรื้อรังอยู่ คือหลังจากเป็นครั้งที่แล้วที่อาหารเป็นพิษแล้วเกิดอาการแพ้ยาจนต้องเข้าห้องไอซียู ภูมิต้านทานมันก็ต่ำลงมาก แล้วก็กลายมาเป็นกล้องเสียงอักเสบขั้นรุนแรงซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย คือมีเสียงแต่หมอยังไม่ให้ใช้เสียงมาก ก็เหนื่อยค่ะ(หัวเราะ)"
มันเป็นผลจากการเป็นอาหารเป็นพิษตอนนั้นใช่ไหม 
"คือตอนนั้นเป็นหนักไงคะ พอเข้าห้องไอซียูไปภูมิต้านทานก็เลยต่ำ หลังจากออกโรงพยาบาลมามันมีหวัดระบาดอยู่ด้วยพอดี ตัวเราก็ไปขึ้นเครื่องบินเพื่อไปทำงานที่เชียงใหม่ ก็กลายเป็นว่าติดมาจากบนเครื่องค่ะ ติดง่ายเพราะว่าภูมิต้านทานต่ำ"
แบบนี้ต้องระวังเป็นพิเศษไหม 
"ก็ต้องระวังค่ะ แต่ว่ามันเหนื่อยใจมากกว่า ทาทาจะพูดเสนอว่าไม่มีเงินยังดีซะกว่าที่จะป่วย เพราะว่าถ้าเราป่วยเราจะทำอะไรไม่ค่อยได้ แรงมันจะไม่ค่อยมี เหนื่อยใจมาก เหนื่อยใจเหลือเกิน คือปกติแล้วทาทาเป็นคนสนุก แต่ตอนนี้ทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็เหนื่อย ทำอะไรก็เหนื่อย หัวเราะเยอะก็ไม่ได้ ตอนนี้ยกเลิกงานไปเยอะเหมือนกันค่ะ คุณหมอสั่งพักเลยเพราะว่ากลัวจะมีผลกับตัวคอนเสิร์ตใหญ่ด้วย"
มันเกี่ยวกับที่เราเป็นไทรอยด์ด้วยหรือเปล่า 
"ไม่เกี่ยวเลยค่ะ อันนั้นคือเป็นอีกโรคหนึ่งเลย คือซวยซ้ำซวยซ้อน คือเป็นโรคหนึ่งแล้ว แล้วป่วยอีก แล้วนี่มาเป็นอีกโรคหนึ่ง ตอนนี้เป็นสามโรคแล้วค่ะ"
มันทำให้เราท้อไหมที่เป็นโรคต่างๆ 
"เอาอย่างนี้ดีกว่าหลังจบคอนเสิร์ตทาทาต้องไปผ่าเท้าทั้งสองข้างด้วยค่ะ คือตอนนี้กระดูกเท้าของทาทามีปัญหาเพราะทาทาเต้นใส่ส้นสูงมานานแล้วเมื่อก่อนเต้นบัลเล่ต์ด้วย มันก็เลยทำให้มีกระดูกเท้าปูดออกมาด้านข้าง แล้วตอนนี้มันทำให้เรายืนบนส้นสูงมากไม่ได้เพราะว่ามันจะปวด หรือแค่ใส่รองเท้าธรรมดามันก็จะเจ็บแบบไม่มีสาเหตุ ก็หวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ฟาดเคราะห์ของจริงนะคะ แล้วค่อยเริ่มกันใหม่ปีหน้า"
"คือหลังจากคอนเสิร์ตนี้ทาทาต้องพักงานสี่เดือนเลย จริง ๆ แล้วหลัง 6.2.13 นี่จะมีคอนเสิร์ตใหญ่แต่ก็ต้องยกเลิกไป คืออันนี้มันทำให้เราจิตตกจริงๆ เพราะว่าแพลนไว้หมดแล้ว เราตั้งใจว่าหลังจบอันนี้ก็จะมีคอนเสิร์ตของตัวเอง แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าโดนคุณหมอสั่งห้ามเลย เพราะว่าเรื่องเท้าและก็เรื่องสุขภาพด้วย ทำให้รู้สึกว่างานนี้เป็นงานที่ทาทาเต็มที่สุดๆ เลยแหละ เพราะว่าทาทาจะต้องพักการเล่นคอนเสิร์ตซึ่งเป็นสิ่งที่ทาทามีความสุขมากที่สุดอีกนานเลย"
แฟนเราเขามาดูแลเราตลอดเลยใช่ไหม 
"เขาก็ดูแลดีค่ะ วันนี้ก็มา คือตอนที่อยู่โรงพยาบาลแล้วชักนี่เขาเห็นกับตา เขาก็เลยค่อนข้างตกใจมาก เขาก็อยู่ใกล้ตลอด แต่ว่าเขาเข้ามาเยี่ยมมากไม่ได้เพราะว่าไอซียูเขาไม่ค่อยให้เข้าเยี่ยม เขาเข้ามาเยี่ยมได้แปบเดียวแล้วก็ออกไป แต่เขาก็อยู่ตลอดไม่ได้กลับบ้าน ก็อยู่โรงพยาบาลอาทิตย์หนึ่งค่ะ เขาก็อยู่ตลอด ก็มีบ้างที่กลับไปอาบน้ำหรือทำธุระแต่เขาก็รีบมาตลอด คือสงสารเขา เขาทำหน้าเสีย"
เขาทำหน้ายังไง 
"คือหน้าเขาเหมือนเราจะตาย ก็เลยนึกในใจว่ามันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ แต่มันก็น่ากลัวมากจริง ๆ นะ ทาทาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะถึงขนาดต้องอยู่ห้องไอซีอยู่ หลายๆ คนอาจจะงงว่าทำไมแค่อาหารเป็นพิษจะต้องอยู่ห้องไอซีอยู่ แต่จริงๆ แล้วทาทามีอาการแพ้ยาแทรกซ้อน เกิดอาการชักเกิดขึ้น"
ตอนนี้ยังต้องไปพบหมออีกไหม 
"ตอนนี้ก็ต้องไปอีกเรื่อย ๆ เลยเพราะว่าตอนนี้ภูมิต้านทานเราต่ำ เราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอาการแทรกซ้อนอะไรเกิดขึ้น แล้วตอนนี้ก็ยังขาดสารอาหารบางตัวด้วยก็เลยต้องให้หมอคอยตรวจ แต่ก็ไม่ต้องห่วงค่ะ งานนี้ 6.2.13 เต็มที่แน่ ๆ ค่ะ"
คนรอบข้างให้กำลังใจดีไหม 
"เขาให้กำลังใจกันดีมากค่ะ เพราะทาทาจิตตกมาก ๆ"
แนะนำแฟนเราหน่อย เราไปรู้จักเขาได้ยังไง 
"เขาเป็นชาวต่างชาติค่ะ ไม่เล่าได้ไหม (หัวเราะ) ก็เป็นเพื่อนที่รู้จักกันค่ะ ก็กำลังจะครบปีแล้ว มันก็คงต้องใช้เวลาดูกันไปเรื่อยๆ ค่ะ แต่ตอนนี้แฮปปี้ที่มีคนดูแลตัวเองซึ่งกำลังมีสี่โรคมาเยือนค่ะ จะเป็นยาใจหรือเปล่าก็เดี๋ยวต้องรอดูกันค่ะ บางทีเป็นมาก ๆ อาจจะทิ้งกันไปก็ได้เพราะว่าป่วยเยอะอะไรแบบนี้ เรื่องแต่งนี้เอาไว้ที่หลังเลยค่ะ ยังๆ"

ร่วง “พลอย เฌอมาลย์” เป็นลมล้มทั้งยืน!!

ร่วง “พลอย เฌอมาลย์” เป็นลมล้มทั้งยืน!!
ทำเอาคนทั้งงานใจหายใจคว่ำกันเลย เมื่ออยู่ๆนางเอกสาว "พลอย เฌอมาลย์" เกิดอาการเป็นลมล้มทั้งยืน ระหว่างมาร่วมงาน "ลักส์ คริสตัลลิสต้า" เนื่องจากอาการป่วยที่ยังไม่หายดี แต่ด้วยสปิริตที่สาวพลอยรับงานไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เลยทำให้เธอต้องมาร่วมงานทั้งทีอาการยังไม่ดีขึ้น แถมยังออกมาให้นักข่าวสัมภาษณ์อีก แต่เมื่อเธอให้สัมภาษณ์จบ เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้งโดยการเป็นลมล้มฟุบลงกับพื้นเป็นรอบที่สองขณะเดินกลับไปที่ห้องแต่งตัว
เป็นลมล้มลงไปเลยสาเหตุมาจากอะไร
"พลอยไม่ได้พักผ่อน ทั้งที่พลอยเป็นทอมซินอักเสบ เป็นหนอง เยื้อโพรงจมูกอักเสบ แล้วก็ร้อนในที่คอกับลิ้น พูดไม่ค่อยได้ไม่มีเสียง"
คุณหมอให้คำแนะนำยังไงบ้าง
"คุณหมอบอกให้พักผ่อน ให้อยู่เฉยๆแต่ยังไม่มีเวลา"
หลังจากจบงานนี้จะไปหาหมอเลยหรือเปล่า
"ต้องบินไปต่างประเทศ"
คุณหมอให้ยาอะไรมาทาน
"ก็ยาทั่วไปคะ"
คุณหมอแนะนำให้พักงานหรือเปล่า
"พลอยไม่มีเวลา"
ตอนนี้ยังมีอาการอยู่
"ใช่ เต็มๆพูดมากไม่ได้เจ็บคอ เป็นมา 2 อาทิตย์แล้ว แต่วันนี้เหนื่อยจริงๆเพราะว่าไม่ค่อยได้นอนด้วย พักผ่อนน้อย มันยังไม่หายดี และยังไม่ได้กินข้าวด้วย"
ทีมข่าว Sanook! News ก็ขอให้สาวพลอยหายไวๆนะคะ!!

เปิดใจ “โกขิก“ กู้ภัยห้วยยอดจับงูจงอางยักษ์ด้วยมือเปล่า

เปิดใจ “โกขิก“ กู้ภัยห้วยยอดจับงูจงอางยักษ์ด้วยมือเปล่า
เปิดใจเจ้าหน้าที่มูลนิธิห้วยยอด เผยใช้มือเปล่าจับงูจงอาง และงูนานาชนิดมานับร้อยครั้ง ยอมรับต้องใช้สมาธิ ยันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด
เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายเฉลิม จิตราวุธ (โกขิก/อาจารย์ขิก) ที่มูลนิธิกุศลสถานห้วยยอด หลังมีคลิปภาพจับงูจงอางขนาดยักษ์ความยาว 5 เมตร น้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ด้วยมือเปล่า โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 56 ที่บ้านเลขที่ 82 ม.2 บ้านลำแพะ ต.ปากแจ่ม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง

โดยนายเฉลิมฯเปิดเผย ความในใจว่า ตนมีอาชีพเป็นพ่อค้าหมูในตลาดเทศบาลตำบลห้วยยอด แต่อุทิศตัวช่วยเหลือสังคมด้วยการร่วมเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิกุศลสถานห้วยยอดเมื่อมีเวลาว่าง โดยหน้าที่หลักของตนคือการจับงูที่บุกรุกเข้าบ้านของชาวบ้านตามที่มีการร้องขอมายังมูลนิธิฯ ซึ่งเดิมทีเป็นคนรักงู ไม่อยากทำร้ายจึงอาสาจับงู จนกระทั่งชื่อเสียงเป็นที่กล่าวขานของคนทั้งอำเภอห้วยยอด และทำหน้าที่นี้มากว่า 2 ปีแล้ว จับงูพิษชนิดต่างๆมานับ 100 ตัว ทั้งงูเห่า งูจงอาง และงูเหลือม โดยหลังจับงูได้จะนำไปปล่อยบนเขา หรือป่าลึก ไม่ได้ฆ่าหรือทุบตีเพราะเห็นว่าสัตว์ก็รักชีวิตเช่นกัน และไม่เคยเรียกรับเงินจากการช่วยเหลือ แม้ชาวบ้านที่เดือดร้อนจะหยิบยื่นให้ก็ไม่เอา

ส่วนขั้นตอนการจับนั้นเริ่มจากตนจะเดินทางไปยังจุดที่งูบุกเข้าบ้าน แล้วสำรวจสภาพแวดล้อมรอบข้าง รวบรวมสติทำสมาธิ แล้วหมอบเข้าไปใกล้งูก่อนที่จะยกมือส่งสัญญาณอย่างใจเย็นเพื่อให้งูไม่ตื่นตกใจ และแบมือต่ำลงกับพื้นไม่นานงูจะเอาหัวหมอบราบลงฝ่ามือ และอาศัยความไวจับที่หัวของงูทันที ทั้งนี้ตลอดพิธีการจับงูมือเปล่าไม่ได้บริกรรมคาถาอะไรเลยนอกจากในใจจะคิดตลอดว่าจะจับงูไปปล่อย ไม่ได้จะจับไปทำร้าย

ทั้งนี้ยอมรับว่าการจับงูด้วยมือเปล่านั้นอันตราย แต่ตนมั่นใจว่าตนทำได้และต้องใช้สมาธิมาก ต้องใจเย็น อีกเหตุผลหนึ่งที่ตนกล้าที่จะทำงานที่มีความเสี่ยงเช่นนี้ เพราะที่บ้านของตนมีการตั้งหิ้งบูชาทวดงูขาว ซึ่งคนในครอบครัวของตนเชื่อว่าเป็นเทพที่ให้การคุ้มครองคนในครอบครัว และนับถือกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

ในส่วนของการที่มีหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าภาพการจับงูมือเปล่าเป็นภาพที่ตัดต่อขึ้นมาและวิจารณ์ว่ามีการพ่นกัญชาหรือยาบางอย่างเพื่อให้งูเกิดอาการงุนงงก่อนจะจับ ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนมีภาพแสดงเพื่อเป็นหลักฐาน งูที่จับเป็นงูพิษจริงหากถูกกัดก็เสียชีวิตทันที และตนเองไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดแต่อย่างใด

ศาลมัลดีฟส์สั่งโบยสาว 15 หลังมีเซ็กส์ก่อนแต่ง-ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน


ศาลมัลดีฟส์สั่งโบยสาว 15 หลังมีเซ็กส์ก่อนแต่ง-ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน


          เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า เด็กสาวชาวมัลดีฟส์วัย 15 ปี ถูกศาลสั่งให้โบย 100 ครั้ง หลังจากเธอมีเพศสัมพันธ์โดยสมยอมกับชายคนหนึ่ง และถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนจนตั้งครรภ์

          คดีดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีการพบศพทารกถูกฝังอยู่บนเกาะเฟย์ดู ทางตอนเหนือของมัลดีฟส์เมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน และนำมาซึ่งการสืบสวนสอบสวน ก่อนจะสาวมาถึงตัวเด็กสาวรายนี้ และพบหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าเธอถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนมานานหลายปี จนกระทั่งตั้งครรภ์ ก่อนที่พ่อเลี้ยงจะฆ่าทารกแล้วนำศพมาฝังอยู่บริเวณดังกล่าว

          ต่อมา เด็กสาวรายนี้ก็ได้ปริปากยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เธอมีเพศสัมพันธ์โดยสมยอมกับชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ศาลสั่งโบยเธอ 100 ครั้ง ข้อหามีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในสังคมมัลดีฟส์ซึ่งเป็นมุสลิม โดยต้องรอให้เธอมีอายุครบ 18 ปีก่อน จึงให้เธอรับโทษได้

          ส่วนพ่อเลี้ยงของเธอนั้น มีรายงานว่ากำลังจะได้รับโทษจำคุกนานถึง 25 ปี ข้อหาข่มขืนเด็กสาวจนท้องและฆ่าทารกอย่างเลือดเย็น ขณะที่ฝ่ายแม่ของเด็กสาวรายนี้ ก็พลอยได้รับโทษไปด้วย ข้อหาปกปิดการทารุณกรรมและการฆาตกรรมครั้งนี้

          อย่างไรก็ดี องค์กรนิรโทษกรรมสากลไม่เห็นด้วยกับการลงโทษเด็กสาวรายนี้ และขอให้ศาลได้เมตตาเธอ เพราะเธอบอบช้ำทางจิตใจจากการถูกข่มขืนและทารุณโดยพ่อเลี้ยงของเธอเอง คนที่ตกเป็นเหยื่อกามารมณ์เช่นนี้ควรได้รับการปกป้อง ทางการมัลดีฟส์ควรจะยุติการตัดสินโทษเช่นนี้ เพราะการโบยนั้นไม่ใช่แค่จะเป็นเรื่องผิดและน่าอับอายเท่านั้น แต่อาจนำมาซึ่งบาดแผลทางจิตใจและร่างกายที่ติดตัวไปชั่วชีวิตด้วย

          ทั้งนี้ ทางการมัลดีฟส์เองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลเช่นกัน และกำลังพิจารณาเปลี่ยนกฎหมายเกี่ยวกับการลงโทษกรณีมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานในเร็ว ๆ นี้

เผยคลิปก่อนเกิดเหตุทำร้ายสาว บ้านหม้อพลาซ่า ชนวนรุมตื้บแค่เดินชนกัน


เผยคลิปก่อนเกิดเหตุทำร้ายสาว บ้านหม้อพลาซ่า

เผยคลิปก่อนเกิดเหตุทำร้ายสาว บ้านหม้อพลาซ่า

เผยคลิปก่อนเกิดเหตุทำร้ายสาว บ้านหม้อพลาซ่า


         เผยคลิปวิดีโอภาพเหตุการณ์จริง ซึ่งเป็นชนวนเหตุ ก่อนเกิดการรุมทำร้ายหญิงสาว ที่บ้านหม้อพลาซ่า

         จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปผู้หญิงถูกชายฉกรรจ์รุมทำร้ายที่บ้านหม้อ พลาซ่า จนกระทั่งกลายเป็นกระแสข่าวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว โดยในเวลาต่อมา เจ้าของร้านจำหน่ายอุปกรณ์วิทยุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ออกมาเปิดเผยว่า ลูกจ้างของตนกำลังเถียงกับลูกจ้างร้านจำหน่ายกล้องวงจรปิด เนื่องจากเดินชนกัน ก่อนกลับมาโต้เถียงกันที่ร้าน จนเหตุการณ์บานปลายถึงขั้นลงมือทำร้ายกัน ซึ่งได้มีการนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและอยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น

         ล่าสุด เมื่อวานนี้ (27 กุมภาพันธ์) ก็ได้มีการเผยแพร่คลิปภาพเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ โดยผู้ใช้ชื่อ CiNNtv3 สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม ได้โพสต์คลิปวิดีโอ โดยตั้งชื่อว่า “คลิป ก่อนรุมตื้บ บ้านหม้อพลาซ่า” พร้อมทั้งเขียนข้อความระบุว่า “รุมตื้บบ้านหม้อพล่าซ่า ที่แท้แค่ลูกน้องเดินชนกัน” โดยในคลิปดังกล่าวเผยให้ภาพช่วงที่คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เดินชนกัน ก่อนจะมีเรื่องตบตีกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในเวลาต่อมา ผู้ที่เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก ได้พยายามแยกทั้งคู่ออกจากกันจนสำเร็จ


ค่าแรง 300 ทำต่างด้าวทะลัก หวังเป็นคนรับใช้ เงินเดือนเกินหมื่น




อึ้ง! แจ๋ว ต่างด้าว เงินเดือนเกินหมื่น (ไทยโพสต์)

            เผยอาชีพ 'แจ๋ว' รายได้ถีบตัวสูงขึ้นเท่าตัว แต่คนไทยเมิน นายหน้าจัดหาแรงงานสบโอกาสเปิดเฟซบุ๊กลงรูปแรงงานพร้อมประวัติให้นายจ้างติดต่อ เผยผลพวงจากนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ทำคนต่างด้าว 3 สัญชาติทะลักเข้าเมืองหวังทำงานเป็นคนใช้ในบ้าน อัตราค่าจ้างกว่าหมื่นบาท สูงกว่านักศึกษา ป.ตรีจบใหม่     
  
            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ตลาดแรงงานไทยขาดแคลนตำแหน่งแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็ก เนื่องจากแรงงานไทยไม่นิยมทำงานแม่บ้าน จึงทำให้มีอาชีพนายหน้าจัดหาแรงงานต่างด้าวให้กับนายจ้างเกิดขึ้นมากมาย จนล่าสุดพบว่า นายหน้ารายหนึ่งเปิดให้บริการจัดหาคนงานต่างด้าวผ่านทางเว็บไซต์ชื่อดังอย่างเฟซบุ๊กชื่อ Maid & Nanny Service เพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างนายจ้างกับแรงงาน

            โดยพบว่า นายหน้าจัดหาแรงงานรายนี้ใช้ชื่อนามว่า "จอย" รับจัดหาแม่บ้าน พี่เลี้ยงเด็กและผู้ดูแลผู้สูงอายุ ที่เป็นชาวพม่า ลาว และเขมร โดยมีการโพสต์รูปภาพแรงงานพร้อมข้อมูลประวัติส่วนตัวอย่างละเอียด อาทิ ชื่อ อายุ สัญชาติ ประวัติการทำงาน ประวัติส่วนตัว และความสามารถต่าง ๆ เป็นต้น พร้อมอัตราค่าจ้างที่แตกต่างกันตามความสามารถ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ตำแหน่งแม่บ้านในปัจจุบันนี้ไม่มีราคา 4,500-5,000 บาทอีกต่อไปแล้ว โดยเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้นายจ้างได้เลือกและรับไปทำงานต่อไป

            ในเฟซบุ๊กดังกล่าวระบุว่า ปัจจุบันได้มีการขึ้นค่าจ้างแรงงานไปถึงราคา 6,000-12,000 บาทแล้ว ซึ่งมีการแจ้งอัตราค่าจ้างแรงงานตามหน้าที่และระดับความสามารถของแรงงาน เช่น 

             1. พูดไม่ได้ ฟังไม่ออก ทำงานไม่เป็น รีดผ้าไม่เป็น ไม่มีเอกสาร ราคา 5,500-6,000 บาท (ซึ่ง 5,500 นั้นหายากมาก ยกเว้นว่าบ้านเจ้านายอยู่ในพื้นที่ที่แรงงานอยากอยู่จริง ๆ 
             2. พอทำงานเป็น ยังรีดผ้าไม่เป็น พูดไม่ได้ พอฟังออกนิดหน่อย ไม่มีเอกสาร ราคา 6,000-6,500 บาท 
             3. ทำงานบ้านเป็น พูดได้ฟังออก ทำกับข้าวไม่เป็น รีดผ้าเป็นแต่ไม่เก่ง บ้านเจ้านายวัยทำงาน ไม่มีเด็ก อาจจะมีสุนัขตัวสองตัว ไม่มีผู้สูงอายุ ราคา 7,000-7,500 บาท 
             4. ทำงานบ้านเป็น พูดได้ฟังออก ทำกับข้าวเป็น รีดผ้าได้ ราคา 9,000-12,000 บาท 
             5. เลี้ยงเด็กอ่อนอย่างเดียว ราคา 9,000-12,000 บาท 
             6. งานบ้านและพี่เลี้ยงเด็กยังไม่ไปโรงเรียน ราคา 8,000-9,000 บาท 
             7. งานบ้านและพี่เลี้ยงที่ไปโรงเรียนแล้ว ราคา 7,500-8,500 บาท 
             8. งานบ้านอย่างเดียว ไม่มีเด็ก/คนแก่/สัตว์เลี้ยง ราคา 7,000-7,500 บาท ราคาค่าจ้างแรงงานสำหรับผู้ที่จะมาดูแลผู้สูงอายุอย่างเดียวมีอัตราค่าจ้างสูงถึง 15,000 บาทเลยทีเดียว

            นางสาวจอย นายหน้าจัดหางาน และผู้เปิดเฟซบุ๊กชื่อ Maid & Nanny Service ไม่ขอเปิดเผยชื่อนาม-สกุล กล่าวว่า ในปัจจุบันแรงงานแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็กส่วนใหญ่จะมาจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือที่เรียกกันว่าแรงงานต่างด้าว เพราะแรงงานคนไทยส่วนมากเลือกที่จะไปทำงานในโรงงานหรือไม่ก็ไปทำงานอื่น ๆ ที่ให้ค่าจ้างสูงกว่าอาชีพดังกล่าว โดยพวกเขาให้เหตุผลว่าต้องการความมีอิสระในชีวิตที่มากกว่าอาชีพแม่บ้าน ที่ในแต่ละวันต้องอยู่ดูแลเจ้านายตลอดเวลา ซึ่งตรงกันข้ามกับการทำงานในโรงงานที่มีเวลาเข้า-ออกงานที่แน่นอน จึงทำให้มีเวลาว่างหลังเลิกงานในการทำธุระส่วนตัวอย่างอิสระมากกว่า ในขณะที่แรงงานต่างด้าวนั้นไม่มีทางเลือกมากเท่ากับคนไทย เพราะในบริษัทหรือโรงงานบางแห่งไม่รับแรงงานต่างด้าว เนื่องจากไม่อยากคอยกังวลในเรื่องกฎหมายแรงงานที่ยุ่งยาก และขั้นตอนในการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ซับซ้อน 

            "ในอนาคตมีแนวโน้มความต้องการใช้แรงงานแม่บ้านต่างด้าวมากขึ้น เพราะมีอัตราค่าจ้างที่ต่ำกว่าแรงงานแม่บ้านชาวไทย อย่างไรก็ตาม แรงงานแม่บ้านชาวต่างด้าวก็ยังถือว่าสูงพอสมควรเมื่อเทียบกับในอดีต ทั้งนี้ เพราะได้รับประโยชน์จากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท อีกทั้งยังได้รับการคุ้มครองในเรื่องประกันสังคมจากกฎหมายแรงงานของไทยอีกด้วย

            อัตราค่าจ้างแรงงานแม่บ้านชาวต่างด้าวของทางบริษัท Maid & Nanny Service นั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ (เช่น รีดผ้า เลี้ยงเด็ก ดูแลคนแก่ การทำอาหาร จ่ายตลาด พูดภาษาไทยได้ ฯลฯ) ความมีไหวพริบในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งจะทราบได้จากการสัมภาษณ์ เป็นต้น   
 
            นางสาวจอยกล่าวอีกว่า สำหรับบริษัท Maid & Nanny Service ของตนนั้น ทุกครั้งที่มีการรับแรงงานเข้ามาใหม่ ทางบริษัทได้พาไปขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวตามกฎหมายทุกคน โดยแรงงานต่างด้าวที่บริษัทจะรับเข้ามาจะต้องมีเอกสารอย่างครบถ้วนเสมอ เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบหากเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง ในแต่ละเดือนจะมีแรงงานต่างด้าวผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้า-ออก โดยมีทั้งผู้ที่เข้ามาใหม่และผู้ที่นายจ้างรับไปทำงานแล้ว จึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีแรงงานอยู่ในสังกัดของตนกี่คน เพราะในแต่ละเดือนจะมีตัวเลขที่ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้แรงงานของนายจ้างในแต่ละเดือน

            "โดยส่วนใหญ่แล้วแรงงานที่ติดต่อเข้ามาในบริษัทจะเป็นแรงงานสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา แต่ทั้งนี้ก็ยังมีแรงงานไทยอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ทุกเดือน เนื่องจากแรงงานไทยส่วนมากเลือกไปทำงานตามโรงงานมากกว่า"

            นางสาวจอยกล่าวต่อว่า การป้องกันลูกจ้างโดนนายจ้างทารุณกรรมหรือทำร้ายร่างกาย ควรจะเริ่มจากบริษัทจัดหาแรงงานที่จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งประวัติแรงงานและนายจ้างด้วย การสอบสัมภาษณ์อย่างเข้มข้นก่อนตกลงตอบรับเข้าเริ่มงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่บริษัทของเราให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก บริษัทจึงได้มีมาตรการตรวจสอบที่เข้มข้นมากมายเพื่อคุณภาพของแรงงานที่นายจ้างจะได้ไป และคุณภาพของนายจ้างที่แรงงานจะเข้าไปทำงานให้นั่นเอง 

จบด้วยดี อาจารย์นิติฯ จับมือทอมยุติคดีต่อยแย่งทางรถ





 
            อาจารย์นิติฯ เลือดร้อน ต่อยทอมขวางทางรถ เข้าพบตำรวจไกล่เกลี่ยคดี ยอมรับผิดอารมณ์ร้อน จับมือยุติคดี ตำรวจปรับ 1 พันบาท

            เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 นายเกษียร กมลชัยวานิช  อายุ 48 ปี อาจารย์สอนพิเศษวิชานิติศาสตร์หลายแห่ง พร้อมด้วย น.ส.อัญรัตน์ พันธุ์วิชัยวุฒิ อายุ 27 ปี คู่กรณีที่ปรากฏในคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์บนโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง ในคดีทำร้ายร่างกาย เนื่องจากไม่พอใจที่ขับรถสวนทางกัน ซึ่งเป็นซอยแคบ และต่างฝ่ายต่างไม่ยอมหลีกทางให้ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บุคคโล เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยหลังตกเป็นกระแสของสังคม

            โดยภายหลัง นายเกษียร ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ขณะโอบ น.ส.อัญรัตน์ ว่า ยอมรับว่าส่วนตัวเป็นคนอารมณ์ร้อน และยอมรับว่าสิ่งที่ทำไปเป็นสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งในวันนี้ ตนต้องการมาหาข้อยุติกับคู่กรณี และก็พร้อมยอมรับกับสิ่งที่สังคมตัดสิน ขณะที่ทางด้าน น.ส.อัญรัตน์ เผยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ว่า ในส่วนตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความ และพร้อมจะถอนคดี ก่อนที่ทั้งสองจะจับมือยุติข้อพิพาทต่อกัน

            อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีอาญาที่เคยแจ้งความกันไว้นั้น พนักงานสอบสวนระบุว่า ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน ในข้อหาใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้อื่น มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท



 
คลิป จบด้วยดี อจ.ชกทอม ปมไม่ยอมถอยรถ : เครดิต รายการครอบครัวข่าวเช้า โพสต์โดย คุณ CiNNtv3

โกขิก โต้ภาพตัดต่อ ยันจับงูจงอางยักษ์ด้วยมือเปล่า


โกขิก


โกขิก

โกขิก

          โกขิก พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย อ.ห้วยยอด เปิดแถลงข่าว โต้มือดีกล่าวหาตัดต่อภาพ ยันจับงูจงอางยักษ์ด้วยมือเปล่าจริง แต่ภาพข่าวที่นำเสนอในหนังสือพิมพ์บางฉบับ เป็นเหตุการณ์คนละแห่ง และเป็นงูตัวอื่น จึงอาจทำให้เกิดความสับสน

          จากกรณีภาพชายจับงูจงอางขนาดใหญ่ ยาวกว่า 5 เมตร ด้วยมือเปล่าที่ จ.ตรัง กลายเป็นที่ฮือฮาในโลกไซเบอร์ จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเป็นเพียงภาพตัดต่อนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. ของวานนี้ (27 กุมภาพันธ์) ที่สมาคมกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถาน อ.ห้วยยอด เลขที่ 50/1 ถ.เทศบาล 16 ซ.3 อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 10 คน รวมทั้ง นายเฉลิม จิตราวุธ หรือ โกขิก อายุ 38 ปี ชาว จ.ตรัง ซึ่งเป็นผู้ที่จับงูจงอางยักษ์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าว โดย โกขิก เปิดเผยว่าทุกวันนี้ตนยึดอาชีพชำแหละเนื้อหมูขายในตลาดสดเทศบาล ต.ห้วยยอด และเป็นร่างทรง พร้อมไปกับการยึดอาชีพเป็นจิตอาสาช่วยจับงูเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งที่ไม่เคยไปเรียน หรือฝึกวิชามาจากที่ไหน หรือใช้วิชาคาถาอาคมใด แต่ที่สามารถจับงูได้โดยที่ไม่ถูกกัดน่าจะเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทวดงูที่ตนเคารพนับถือบูชามาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ช่วยปกป้องคุ้มครองตนให้รอดพ้นจากคมเขี้ยวอสรพิษทุกครั้ง

          นายเฉลิม ยังเล่าอีกว่าสาเหตุที่ทำให้ตนหันมาเป็นจิตอาสาช่วยจับงูเนื่องจากที่ผ่านมามีใจรักงู ประกอบกับไม่อยากเห็นชาวบ้านทำร้ายทุบตีงู เพราะงูก็เป็นสัตว์ที่รักชีวิตเหมือนมนุษย์ ตนจึงอาสาจับงูเอง ซึ่งที่ผ่านมาจับงูมาแล้วหลายชนิด ทั้งงูเห่า งูจงอาง งูเหลือม และงูพิษชนิดอื่น ๆ โดยตนจะไม่ใช้เชือกคล้องคองู เพราะจะเป็นการทำร้ายงู ทำให้งูดุร้ายมากขึ้น ดังนั้นจึงใช้วิธีจับงูด้วยมือเปล่า แล้วพาไปปล่อยกลับสู่ในป่า


          ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ภาพงูจงอางยักษ์ที่ตนจับได้เป็นงูปลอม หรือเป็นภาพที่ตัดต่อนั้น ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้โพสต์คลิปงูฉบับเต็ม เพื่อยืนยันว่าเป็นงูจงอางยักษ์จริง แต่ภาพที่นำเสนอในหนังสือพิมพ์หลายฉบับนั้น เป็นงูคนละตัวกัน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นคนละที่ และเป็นงูคนละตัว จึงอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นภาพตัดต่อ อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวไม่ได้ทำให้ตนน้อยใจ หรือหมดกำลังใจ มองว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ไม่สามารถไปห้ามความคิดของใครได้ และตนขอยืนยันว่า จะทำหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านโดยการจับงูต่อไป

พณ. ชงลดราคาจำนำข้าว อ้างชาวนาปลดหนี้ได้บ้างแล้ว


จำนำข้าว


ถังแตก!พณ.ชงลดราคาจำนำข้าว (ไทยโพสต์)
 
            พาณิชย์เตรียมชง กขช. 1 มี.ค. นี้ พิจารณาลดราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้าในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 56 จากตันละ 1.5 หมื่นบาท เหลือไม่ต่ำกว่า 1.3 หมื่นบาท ระบุ ทำโครงการมา 2 ปี เกษตรกรน่าจะปลดหนี้ได้บ้างแล้ว
            เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน วันที่ 1 มีนาคมนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และราคาการรับจำนำข้าวเปลือกปี 55/56 รอบ 2 หรือโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 56 ที่จะเริ่มในเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของโครงการ หลังจากที่โครงการรอบแรกจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคมนี้ โดยจะปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้าให้ที่ประชุมพิจารณา ขณะที่ราคาข้าวเปลือกชนิดอื่น ๆ จะยังคงราคาเดิมตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 55/56

            ปลัดกระทรวงพาณิชย์ บอกว่า ราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้าจะเสนอ 3 ระดับราคาคือ ตันละ 15,000 บาทเท่าเดิม หรือรับจำนำที่ตันละ 14,000 บาท หรือตันละ 13,000 บาท เพราะเห็นว่า โครงการรับจำนำของรัฐบาลนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่รัฐบาลตั้งราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้าที่ตันละ 15,000 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลิที่ตันละ 20,000 บาทนั้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถลดภาระหนี้สินไปได้มากแล้ว น่าจะเพียงพอสำหรับการช่วยเหลือเกษตรกรแล้ว ขณะนี้จึงน่าจะหันมาสร้างความสมดุลให้กับด้านการตลาดและการส่งออกบ้าง

            "เกษตรกรส่วนใหญ่บอกว่าหนี้สินที่มีอยู่น่าจะปลดเปลื้องได้ภายใน 2 ปี ซึ่งรัฐบาลนี้ก็ทำโครงการรับจำนำข้าวราคาสูงมา 2 ปีแล้ว ก็น่าจะลดภาระไปหนี้สินไปได้มาก จึงน่าจะทำให้ด้านการตลาดและด้านการส่งออกคล่องตัวมากขึ้นบ้าง ถ้าลดราคารับจำนำลงมาอีก ผู้ส่งออกน่าจะขายได้มากขึ้น มีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น อุตสาหกรรมข้าวก็จะขยายตัวได้มากขึ้น และเกษตรกรไม่น่าได้รับผลกระทบอะไร"
            นางวัชรี ยืนยันว่า ที่เสนอให้พิจารณาปรับลดราคารับจำนำครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับไม่มีงบประมาณเพียงพอในการรับจำนำ เพราะคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณในการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังไว้แล้วที่ประมาณ 150,000 บาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากเงินจากการขายข้าวในสต็อกของรัฐบาลแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งคืนให้กระทรวงการคลังไปแล้วเกือบ 70,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คงต้องรอให้ที่ประชุมพิจารณาก่อนว่าจะเลือกรับจำนำที่ราคาเท่าไร ซึ่งอาจเลือกราคาเดิมที่ตันละ 15,000 บาทก็เป็นได้

            ด้านนายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะโฆษกข้าว กล่าวว่า ในวันนี้ (28 กุมภาพันธ์) จะหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อสรุปสภาพคล่องการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทั้งรอบนาปีปี 55/56 และนาปรังปี 56 เบื้องต้นกรมยืนยันว่าได้ขายข้าวจีทูจีได้จำนวนมากแล้ว มีทั้งขายข้าวเก่าคือข้าวที่อยู่ในสต็อกรัฐบาลตั้งแต่ก่อนปี 50 และข้าวใหม่จากโครงการรับจำนำเมื่อปี 54 จนถึงปัจจุบัน แต่คงไม่สามารถเปิดเผยปริมาณราคาและประเทศผู้ซื้อได้ ซึ่งกรมได้ทยอยส่งเงินค่าขายข้าวให้กระทรวงการคลังอย่างต่อเนื่อง เพราะการระบายข้าวแต่ละครั้งจะไม่ได้รับเงินทั้งหมดทันที ต้องส่งมอบข้าวให้ผู้ซื้อก่อน โดยการส่งมอบแต่ละครั้งจะมีปริมาณไม่กี่แสนตัน

            "ผมเคลียร์กับ สบน.และ ธ.ก.ส.แล้ว แต่จะคุยเพื่อลงรายละเอียดตัวเลขสภาพคล่องโครงการรับจำนำอีกครั้ง เป็นการคุยกันระดับเจ้าหน้าที่ ก่อนนำเสนอตัวเลขให้ กขช.รับทราบ เพราะรัฐบาลต้องการรู้รายละเอียดทั้งหมดว่าจะขายข้าวได้เท่าไหร่ และต้องใช้เงินเท่าไหร่ มีภาระหนี้สินเท่าไหร่ ตั้งแต่ต้นปีส่งเงินค่าข้าวไปแล้ว 52,000 ล้านบาท เป็นการขายข้าวแบบจีทูจีเท่านั้น แต่รายได้จากการระบายในส่วนอื่นเมื่อรวมแล้วจะมีเงินส่งคืนรวม 60,000-70,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายข้าวเก่าประมาณ 1,000 ล้านบาท เงินส่วนนี้ไม่สามารถนำมาใช้ในโครงการรับจำนำได้ จะใช้ได้เฉพาะเงินที่ขายข้าวใหม่เท่านั้น" นายทิฆัมพร กล่าว

            นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ ธ.ก.ส. กำลังเข้าสู่ภาวะถังแตก จึงเชื่อว่า ครม. ต้องอนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ 7 หมื่นล้านบาทให้ ธ.ก.ส. อย่างแน่นอน เพราะการดำเนินโครงการพืชผลทางการเกษตรของรัฐบาล ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ตั้งแต่ปี 55-56 ใช้เงินไปแล้ว 564,175 ล้านบาท แต่ใช้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 304,750 ล้านบาท นอกนั้นใช้เงินจาก ธ.ก.ส. ทั้งสิ้น ก้อนแรก 9 หมื่นล้านบาท ที่ตั้งไว้สำหรับการแทรกแซงราคาพืชผล แต่ใช้ไปแล้วกว่า 2 แสนล้านบาท เกินกว่าที่ ธ.ก.ส. คาดการณ์ไว้ถึง 110,823 ล้าน และกลับขายสินค้าเกษตรได้เงินแค่ 58,602 ล้านบาท หรือประมาณ 10% ของเงินในโครงการ จึงทำให้รัฐบาลถังแตก ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียวในการทำโครงการรับจำนำข้าวนาปรังที่จะเริ่มในวันที่ 1 เมษายนนี้

            "จากที่ผมได้ลงพื้นที่พบว่าในช่วงเดือนมีนาคมนี้ เป็นเดือนที่เกษตรกรจะต้องใช้หนี้ตามเงื่อนไขให้กับ ธ.ก.ส. แต่เกษตรกรกลับยังไม่ได้เงินจากโครงการจำนำข้าวเลย จึงทำให้เกษตรกรไม่มีเงินใช้หนี้ ธ.ก.ส. และต้องหันไปกู้หนี้ระยะสั้นมาใช้หนี้ จึงมีความเดือดร้อนอย่างมาก" นพ.วรงค์ กล่าว

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เป็นงง! รถลอยปลิวกลางอากาศ ก่อนหงายท้องอยู่บนหลังคาบ้าน





           ชาวมะกันอึ้ง อุบัติเหตุรถเสียหลักหงายท้องอยู่บนหลังคาบ้าน โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ-เสียชีวิต

           เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 เว็บไซต์เดอะการ์เดียนของอังกฤษ รายงานว่า เกิดอุบัติเหตุสุดอึ้ง หลังจากที่รถยนต์คันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุเสียหลัก ก่อนที่จะหมุนเคว้งกลางอากาศและไปตกอยู่บนหลังคาบ้านอย่างไม่น่าเชื่อ โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บในอุบัติเหตุครั้งนี้
           รายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่เมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ หลังจากคนขับรถยนต์คันดังกล่าวเสียการควบคุมรถตรงทางโค้งและพุ่งเสยคันกั้นถนนจนพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนหมุนเคว้งและตกลงสู่หลังคาบ้านผู้เคราะห์ร้ายในสภาพที่พลิกหงายท้อง แต่ดูท่าหลังคาบ้านหลังนี้จะแข็งแรงมากทีเดียว เพราะหลังคาไม่พังลงมาทับคนในบ้านจนเป็นอันตรายถึงชีวิต

           ทางด้าน ซูซาน มิสตินี เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ตอนแรกคิดว่ามีใครบางคนพังประตูบุกเข้ามาในบ้าน เนื่องจากสัญญาณกันขโมยดังเตือน แต่หลังจากนั้นไม่นานมีเจ้าหน้าที่ตะโกนให้เธอออกจากบ้านโดยด่วน เพราะมีรถยนต์อยู่บนหลังคาบ้าน!

           อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินได้ใช้รถเครนยกรถลงจากหลังคา ก่อนจะเร่งเข้าช่วยเหลือคนขับ ซึ่งเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ทั้งสิ้น

เชอรีน เมินคนจับตา เป็นน้องนิชคุณ เหตุเข้ารอบ เดอะสตาร์ 9


เชอรีน


            หลังจากที่มีการเปิดตัวเดอะสตาร์ 9 ไปเป็นที่เรียบร้อย ก็มีคนจับตา เชอรีน ณัฐจารี หรเวชกุล เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นน้องสาวของ นิชคุณ หรเวชกุล  ซึ่งเชอรีนเอง ก็บอกว่า ไม่รู้สึกกดดันที่มีคนจับตามองแต่อย่างใด

            ทั้งนี้ เชอรีน กล่าวว่า ตนเองดีใจมาก ๆ ที่เป็น 8 คนสุดท้ายของเดอะสตาร์ ตนอาจจะเข้ารอบมาด้วยการเต้น ส่วนที่มีคนจับตามองนั้น ตนเองไม่ซีเรียส เพราะตนเองเข้ามาด้วยความสามารถ รู้อยู่แล้วว่า คนต้องจับตามองที่เป็นน้องสาวนิชคุณ แต่จะได้หรือไม่ได้ ก็ขึ้นกับตัวเรา ถ้าโชว์ออกมาไม่ดี คนก็ไม่เชียร์อยู่แล้ว

            เมื่อถามว่า ได้ปรึกษานิชคุณไหม เชอรีนตอบว่า พอตอนจะเข้าบ้าน นิชคุณก็โทรมาให้กำลังใจ เขาบอกให้สู้ ๆ เพราะมันเหนื่อย ส่วนตัวมีโอกาสได้คุยกันน้อย แต่พอเขาโทรมาก็ดีใจ คุณแม่เองก็แซวว่าจะรอโหวต ส่วนเรื่องที่ตัดสินใจมาประกวด เพราะอยากทำตามความฝัน อยากให้คนเห็นว่าเรามีความสามารถจริง ๆ ไม่คิดว่าจะเข้าถึงรอบ 22 คนด้วยซ้ำ เพราะแต่ละคนก็ร้องเพลงเก่ง ๆ กันทั้งนั้น และไม่กลัวว่าจะโดนเปรียบเทียบกับที่ชาย แค่ทำงานเหมือนกัน แต่ไม่ใช่คนเดียวกัน สุดท้ายทุกอย่างก็คือตัวเรา ที่ บ้านสอนเสมอว่า การที่พี่เป็นดารา เหมือนเปิดประตูให้เราเข้าไป แต่ที่เหลือก็ขึ้นกับเรา พี่ชายเปิดทางให้แล้ว ถ้ามันไม่มีอะไร สุดท้ายก็ไม่มีใครเชียร์เราอยู่ดี

            เมื่อถามว่า นิชคุณจะตามมาเชียร์ไหม เชอรีนตอบว่า มันเป็นเรื่องยาก แค่มาเมืองไทยยังยากเลย แต่เขาเองก็อยากมาเชียร์ ส่วน แฟนคลับของนิชคุณ ก็มีทวีตมาหาบ้าง เพราะเขาเป็นแฟนคลับ 2PM เขาก็บอกว่า เชียร์ ๆ อยู่นะ เราก็ดีใจที่เขารักพี่ชายเรา และรักเราด้วย แต่อยากให้คนโหวตไม่ใช่ เพราะเป็นน้องนิชคุณ แต่เพราะตนเองมีความสามารรถจริง ๆ จึงโหวตให้

ตะลึง! “งูจงอางยักษ์“ซุกบ้านคน สุดเชื่องไม่ดุร้าย เชื่อเป็นทวดงู

ตะลึง! “งูจงอางยักษ์“ซุกบ้านคน สุดเชื่องไม่ดุร้าย เชื่อเป็นทวดงู
(26ก.พ) วานนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายวิสุทธิ์ สังขโชติ อายุ 22 ปี เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานอำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา ว่า พบงูจงอางยักษ์ หรือที่ชาวใต้เรียกกันว่า งูบองหลา เลื้อยเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับโรงเรียนบ้านลำแพะ ตำบลปากแจ่ม อำเภอห้วยยอด จึงรีบนำกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหลายสิบคนเดินทางไปตรวจสอบ โดยพบว่างูดังกล่าวกำลังนอนขดอยู่ใต้ตู้เย็นที่บริเวณหลังบ้าน และท่าทีข่มขู่ผู้ที่พยายามเข้าไปใกล้ด้วยความดุร้าย จึงรีบกันชาวบ้านและผู้ไม่เกี่ยวข้องออกไปห่างๆ เพราะเกรงจะได้รับอันตราย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย นำโดย โกขิก อายุประมาณ 45 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิธีกรรมของมูลนิธิกุศลสถาน และเป็นร่างทรงองค์ศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังในพื้นที่ รวมทั้งยังมีหน้าที่จับเฉพาะงูพิษด้วยมือเปล่ามาแล้วจำนวนหลายตัว ใช้เวลาแค่ 20 นาที ก็สามารถจับงูจงอางยักษ์ตัวนี้ได้สำเร็จ ท่ามกลางความโล่งใจของเจ้าของบ้านและชาวบ้านบริเวณแถวนั้น แต่ทุกคนก็ต้องตะลึงกับขนาดของงูที่ ยาวถึง 5 เมตร และหนักถึง 10 กิโลกรัมเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย และเมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปไม่นาน ก็มีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศนับพันๆคน แห่กันมามุงดูงูจงอางยักษ์กันอย่างแน่นหนา
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ทุกคนรู้สึกแปลกใจในวันนั้นก็คือ งูจงอางตัวนี้ซึ่งถือเป็นสุดยอดของความดุร้ายเทียบเท่ากับงูเห่า แต่กลับมีท่าทีเชื่องมากในขณะที่ โกขิก กำลังจับตัวเอาไว้ จนเด็กๆ สามารถเข้ามาลูบคลำตามลำตัวได้ โดยไม่มีอาการข่มขู่ จนกระทั่งขณะที่กำลังนำงูขึ้นรถกระบะเพื่อเอาไปปล่อย ก็เกิดเหตุการณ์ผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ 55 ปี มีลักษณะคล้ายๆ กับถูกทรงเจ้า เมื่อเข้าไปสอบถามก็ทราบว่า เป็นทวดงูตัวดังกล่าว ซึ่งเป็นเทวดาแฝงกายลงมาเล่นน้ำ ก่อนถูกจับตัวได้ พร้อมขู่ว่า หากผู้ใดนำทวดงูตัวนี้ไปกระทำมิดีมิร้าย ผู้นั้นจะต้องมีอันเป็นไป จนสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนที่มามุงดูเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้บอกว่า จำเป็นต้องนำทวดงูตัวนี้ไปปล่อยในป่าตามธรรมชาติ เพราะจะให้มาอาศัยอยู่ตามบ้านเรือนคงไม่เหมาะสม และเกรงว่าชาวบ้านอาจได้รับอันตราย ปรากฎว่า หลังจากนั้นร่างทรงก็ได้ออกจากร่างของผู้หญิงทันที ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะช่วยกันนำงูจงอางยักษ์ขึ้นรถกระบะเพื่อไปปล่อยในที่สุด โดยไม่มีท่าทีดิ้นรนหรือแสดงความดุร้ายแต่อย่างใดเลย นอกจากนั้น เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็เพิ่งจะเจองูจงอางยักษ์ ที่บริเวณน้ำตกปากแจ่ม ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับตัวล่าสุดนี้ และเจ้าหน้าที่ก็ได้จับแล้วนำไปปล่อยในป่าเช่นกัน นับเป็นความแปลกที่นานๆ จะได้เจอกับสัตว์ป่าที่มีขนาดใหญ่โตเช่นนี้

ด้านนายวีระศักดิ์ ศรีสัจจัง หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้ำพราย อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง กล่าวว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวน ก็มักจะพบงูจงอางอยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่อาจไม่มีขนาดใหญ่อย่างที่ชาวบ้านเจอรายล่าสุด ซึ่งจะมีความยาวเต็มที่ประมาณ 5 เมตร และหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ถือเป็นงูพิษชื่อดังชนิดหนึ่งของภาคใต้ที่มีความดุร้ายเช่นเดียวกับงูเห่า ส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่ตามป่าโปร่ง ใกล้กับรอยต่อสวนยางพารา แต่สาเหตุที่ในปัจจุบันมีการพบงูชนิดนี้กันมากขึ้นนั้น เพราะวงจรชีวิตตามธรรมชาติเกิดการเปลี่ยนแปลง อันเนื่องมาจากเหยี่ยวล่างูหายไป จึงไม่มีสิ่งใดมาช่วยกำจัดงู ทำให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นและพบเห็นได้ทั่วไป

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คู่รักตัวอย่าง 2 ตายาย ครองรักนาน 71 ปี เผยต้องรักและซื่อสัตย์


คู่รักตัวอย่าง 2 ตายาย ครองรักนาน 71 ปี เผยต้องรักและซื่อสัตย์

คู่รักตัวอย่าง 2 ตายาย ครองรักนาน 71 ปี เผยต้องรักและซื่อสัตย์

คู่รักตัวอย่าง 2 ตายาย ครองรักนาน 71 ปี เผยต้องรักและซื่อสัตย์


            พบคู่รักตา-ยาย ชาวร้อยเอ็ด วัย 90 กว่าปี ครองรักนานกันถึง 71 ปี มีลูก 5 คน หลาน 20 คน เผยเคล็ดลับการครองคู่ ต้องรักและซื่อสัตย์ต่อกัน

            เมื่อวานนี้ (13 กุมภาพันธ์) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดร้อยเอ็ด รายงานว่า พบ 2 ตายายที่อายุกว่า 90 ปี มีความรักที่ผูกพันกันมายาวนาน และเป็นแบบอย่างให้กับเยาวชนคนรุ่นหลัง โดยพบว่า นายสมพงษ์ ธนสีลังกูร เกิดวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ.2462 ปัจจุบันอายุ 94 ปี เป็นหลานพระยาขัติยะวงษา ผู้สร้างเมืองร้อยเอ็ด เป็นลูกปลัดเมืองร้อยเอ็ด นายเรียบ ธนสีลังกูร ขณะที่ นางวิไล ธนสีลังกูร เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2463 ปัจจุบัน อายุ 93 ปี เป็นลูกขุนเทพประศาสน์ ปัจจุบันทั้งคู่อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 102/2 ถนนรัฐกิจไคลคลา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด

            โดย 2 ตายาย แต่งงานกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2485 ซึ่งขณะนั้นฝ่ายหญิงอายุ 22 ปี ฝ่ายชายอายุ 23 ปี และอยู่ด้วยกันจนมีลูก 5 คน มีหลาน 20 คน รวมทั้งสิ้น 25 คน ซึ่งขณะนี้ทั้งคู่ยังคงมีร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง พูดจารู้เรื่อง ความจำดี และสายตาดี สามารถเดินเหินได้ราวกับคนอายุ 40-50 ปี มีงานอดิเรกคือปลูกพืชผักสวนครัว ผลไม้ เลี้ยงไก่ ทำอาหาร และซักเสื้อผ้าเองโดยไม่รบกวนลูกหลาน และมีอาหารโปรด คือ ผักและปลา

            นายสมพงษ์ เล่าว่า ตนแต่งงานกับนางวิไล มา 71 ปีแล้ว การเป็นสามีภรรยากันต้องมีความมั่นใจระหว่างกัน ให้ความรักแก่กัน มีความสามัคคี ถนอมน้ำใจซึ่งกันและกัน และซื่อสัตย์ต่อกันทั้งที่ลับและที่แจ้ง ไม่ทำผิดศีลธรรมและวัฒนธรรม ที่สำคัญต้องมีความสงบ ความเจริญรุ่งเรืองในครอบครัวก็จะเกิดขึ้น
            ด้าน นางวิไล กล่าวว่า สาเหตุที่อยู่ด้วยกันมายาวนาน เนื่องจากเพราะรักกัน สามัคคีกัน ไม่ผิดไม่พาลกันตลอดมาจนถึงวันนี้ ฝากลูกหลานเรื่องการครองรักครองเรือนในปัจจุบันว่า ต้องรักสามัคคีและซื่อสัตย์ต่อกัน ทั้งนี้ 2 ตายายยังกล่าวด้วยว่า ทุกวันนี้มีความสุขมากที่เกิดเป็นคนไทย โดยเฉพาะมีลูกหลานที่กตัญญูกตเวที อุปการะเลี้ยงดูอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงประเพณีปีใหม่ สงกรานต์ และวันสำคัญต่าง ๆ ลูกหลาน เหลน ทั้งเขย ทั้งสะใภ้ จะมารวมตัวกันจัดงานอวยพรและสังสรรกันทุกปีอย่างมีความสุข และสุดท้ายได้พูดติดตลกว่า ขออยู่ครองคู่กันจนอายุ 130 ปี

พบไวรัสซาร์ส สายพันธุ์ใหม่ ติดต่อคนสู่คน ติดเชื้อแล้ว 11 ตาย 5




พบไวรัสซาร์ส สายพันธุ์ใหม่ ติดต่อคนสู่คน (ไอเอ็นเอ็น)

          จนท.สาธารณสุขสหราชอาณาจักร ยืนยัน พบไวรัสซาร์ส สายพันธุ์ใหม่ ติดต่อจากคนสู่คน ทั่วโลกมีติดเชื้อแล้ว 11 ราย ตาย 5


          วันนี้ (14 กุมภาพันธ์) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหราชอาณาจักร ระบุว่า มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้ว่า ไวรัสตัวใหม่ในตระกูลซาร์ส หรือกลุ่มอาการของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง ที่เรียกว่า ไวรัสโคโรน่า สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คน พบผู้ติดเชื้อแล้ว 11 ราย

          รายงานระบุว่า การติดเชื้ออาจเกิดจากการสัมผัสกับสัตว์ แต่หากว่าไวรัสตัวใหม่นี้สามารถติดต่อระหว่างคนได้ จะกลายเป็นภัยคุกคามที่น่ากังวลยิ่งขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าว กำลังกลายเป็นข้อวิตกเป็นอย่างมาก ผู้ป่วยรายหนึ่งในสหราชอาณาจักร ติดเชื้อมาจากญาติของตนเอง

          ทั้งนี้ มีการยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสใหม่นี้แล้ว ทั่วโลก 11 ราย และมี 5 ราย เสียชีวิตไปแล้ว โดยไวรัสชนิดนี้ นำมาซึ่งปอดอักเสบ และอาจรุนแรงถึงขั้นไตวาย


          สำหรับในสหราชอาณาจักร พบผู้ป่วยแล้ว 3 ราย คนแรกเป็นผู้ป่วยที่บินจากกาตาร์เพื่อรักษาตัว ขณะที่รายที่สอง เคยเดินทางไปตะวันออกกลาง และปากีสถาน ส่วนอีกคน น่าจะติดต่อจากผู้ป่วยรายที่ 2 ซึ่งเป็นญาติกัน 

          ศาสตราจารย์จอห์น วัตสัน หัวหน้าแผนกโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ ของสำนักงานปกป้องสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร ยืนยัน พบการติดเชื้อโคโรน่าไวรัสในบุคคล ซึ่งไม่เคยเดินทางไปตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่า การติดต่อจากคนสู่คนเกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร

รมว.พลังงาน เล็งเลิกจดทะเบียนรถใช้แอลพีจี หลังพบอุบัติเหตุบ่อย


จ่อยกเลิกจดทะเบียนรถยนต์ที่ใช้แก๊สแอลพีจี


            รมว.พลังงาน จ่อยกเลิกจดทะเบียนรถยนต์ที่ใช้แก๊สแอลพีจี หลังพบอุบัติเหตุบ่อยครั้ง หนุนใช้เอ็นจีวี เร่งขยายจำนวนสถานีให้บริการ

            เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้หารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับปัญหาการติดตั้งถังก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีในรถยนต์ที่ไม่ได้มาตรฐานจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า ในอนาคตรัฐบาลจะไม่สนับสนุนการติดตั้งถังแอลพีจี โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะไม่ออกใบอนุญาตให้ เพราะเป็นการดัดแปลงไปใช้เชื้อเพลิงที่เป็นอันตราย ส่วนรถยนต์ที่ติดตั้งไปแล้วก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ แต่นโยบายรัฐบาลจะไม่สนับสนุนแล้ว
            อย่างไรก็ตาม นโยบายยกเลิกติดตั้งแอลพีจีในรถยนต์จะทำควบคู่กับการสนับสนุนให้เปลี่ยนมาใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือเอ็นจีวีแทน เพราะประหยัดค่าใช้จ่าย โดยจะเร่งขยายจำนวนสถานีบริการเอ็นจีวีให้เพิ่มขึ้น ส่วนความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้เชื้อเพลิงแอลพีจีในระหว่างที่ยังศึกษานั้น จะเข้มงวดความปลอดภัยของรถยนต์และปั๊มก๊าซ พร้อมกับร่วมมือตำรวจเข้าตรวจสอบปั๊มแอลพีจีทั่วประเทศไม่ให้บรรจุก๊าซเกินปริมาณที่แจ้งไว้ หากพบว่ามีการดำเนินการจำหน่ายผิดวัตถุประสงค์จะถูกดำเนินคดี โดยการกระทำผิด 1 บิลการค้า จะคิดเป็น 1 คดี มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

บอกรัก 25 ภาษา สื่อความในใจในวันแห่งความรัก


คำบอกรัก 25 ภาษา สื่อความในใจในวันแห่งความรัก

คำบอกรัก 25 ภาษา สื่อความในใจในวันแห่งความรัก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ในวันแห่งความรักวันนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะหาโอกาสบอกรักแฟน หรือคนที่แอบรักมานานด้วยคำพูดคำหวานที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าใครยังคิดไม่ออก ไม่รู้จะใช้คำไหนบอกรักนอกเหนือจาก "รักนะ" หรือ "I love you" แล้วละก็ ลองมาเลือกใช้คำบอกรักเป็นภาษาอื่น ๆ ดูหน่อยเป็นไง วันนี้กระปุกดอทคอมรวบรวมมาให้ที่นี่แล้วจ้า

คำบอกรัก 25 ภาษา สื่อความในใจในวันแห่งความรัก

               ลาว - ຂ້ອຍຮັກເຈົ້າ (ข้อยฮักเจ้า)

               เวียดนาม - ผู้ชาย Anh yêu em (อัน อิว เอ๋ม), ผู้หญิง  Em yêu anh (เอ๋ม อิว อัน)

               จีน - 我愛你 (หว่ออ้ายหนี่)

               ญี่ปุ่น - あしてるよ (ไอชิเตรุโยะ)

               เกาหลี - 사랑해요 (ซารางแฮโย)

               แอฟริกัน - Ek is lief vir jou (เอค เอิร์ส ลิฟ เวอร์ โยว)

               รัสเซีย - я люблю тебя (ย้า ลูบลิอู ทีเบีย)

               สวีเดน - Jag älskar dig (ยอก์ แอลสการ์ ไดก์)

               เดนมาร์ก - Jeg elsker dig (ยาก์ อิลชเกอร์ ไดก์)

               ดัตช์ - Ik hou van jou (อิก ฮาว ฟาน เยา)

               ฟิลิปปินส์ - Mahal kita (มาฮัล กิตา)

               เยอรมัน - Ich Liebe Dich (อิคช์ ลิเบอ ดิกช์)

               ฝรั่งเศส - Je taime (เฌอแตม)

               ฟินแลนด์ - Rakastan sinua (ระกัสตัน ชินวา)

               กรีก - Σ 'αγαπώ (สิกมากาโปร์)

               ฮังการี - Szeretlek (เซเรตแลค)